วันจันทร์ที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2559

ดอยมณฑา อุทยานแห่งชาติตากสินมหาราช จ.ตาก

ดอยมณฑา ชื่อดอยที่ไม่คุ้นหูนักและยังไม่ได้มีชื่อเสียงเหมือนสถานที่เที่ยวอื่นๆใน จ.ตาก ดอยมณฑาอยู่ในเขตอำเภอแม่สอดและอุทยานแห่งชาติตากสินมหาราช มีทะเลหมอก ยอดเป็นลานโล่ง เส้นทางขึ้นมีหลายเส้นทาง โดยครั้งนี้เราเดินตามทางน้ำเป็นทางน้ำตกเกือบตลอดทาง ขึ้นไปจนถึงยอดเขาสูงและค่อยๆเดินตามสันเขาไปเรื่อยๆ มองเห็นวิวได้ 360 องศา จนถึงที่ตั้งแคมป์ยอดดอยมณฑาบนความสูงจากระดับน้ำทะเล 1300 เมตร 



สภาพป่าประกอบไปด้วยป่าดงดิบมีพรรณไม้สำคัญคือ ก่อ ยาง กระบาก มะหาดและมณฑา (นี่อาจทำให้เป็นที่มาของยอดดอย) และป่าเบญจพรรณมีอยู่ทั่วไป 

เรื่องการเตรียมตัวเขียนมาหลายทริปแล้ว ขอข้ามไปเล่าเรื่องการเดินทางเลยนะคะ

ทริปครั้งนี้เราไปเป็นหมู่คณะสองรถตู้ เราเริ่มออกเดินทางจากกรุงเทพในคืนวันศุกร์ นอนพักผ่อนเอาแรงบนรถจนกระทั่งมาถึงรีสอร์ทในแม่สอดในเวลาเช้า จัดการแบ่งกระเป๋าสำหรับใส่เสื้อผ้าอาบน้ำตอนขาลงเก็บไว้ที่ห้องพักที่รีสอร์ทและแพ็คสัมภาระใส่กระเป๋าเดินป่า และรับประทานอาหารเช้าเตรียมตัวออกเดินทาง



บรรยากาศรอบๆรีสอร์ทค่ะ



ทำการแพ็คกระเป๋าก่อนออกเดินทาง เตรียมเฉพาะของที่ต้องใช้ในการเดินป่าจริงๆ



รับประทานอาหารเช้าเอาแรงก่อนออกเดินทาง

โดยการเดินทางนั้นต้องนั่งรถกระบะแบบโฟว์วิลไปที่จุดเริ่มต้นที่หมู่บ้านปูเป้ โดยต้องผ่านทั้งทางลูกรัง ทางน้ำใช้เวลากว่าครึ่งชั่วโมง




ในที่สุดเราก็มาถึงจุดเริ่มต้นของการเดินเท้า จัดการเตรียมของ ขึ้นเป้และออกเดินทาง








ทางเดินในช่วงแรกผ่านสวนมันสำปะหลังแลไร่ต้นกาแฟ มีลำธารตัดเล็กน้อย เดินทางราบค่อยๆไต่ระดับ



เข้าป่าทางส่วนใหญ่เป็นทางน้ำที่แห้ง เราเดินตามทางน้ำขึ้นเขามาเรื่อยๆ จนถึงจุดที่พักแรก




พักให้หายเหนื่อยก็เดินทางต่อ




พักจุดที่สองและเดินทางต่อ ทางเราก็เก็บภาพไปเรื่อยค่ะ 






พักและเดินต่อๆ เป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ สังเกตภูมิประเทศและพรรณไม้ป่าที่เปลี่ยนไป ยิ่งสูงป่ายิ่งแห้ง แดดแรงขึ้น



ทางขึ้นเขาชันขึ้นไปตามลำดับ




สามหนุ่มผู้รั้งท้าย เนื่องจากมีคนขาเดี้ยงนะคะ เป็นตะคริง ต้องค่อยๆเดิน ไอ้คนยิ้มข้างหน้านี่แหละตัวดี พี่สองคนข้างหลังต้องเดินรั้งท้ายเป็นเพื่อน 


แต่ทุกคนน่ารักตรงนี้ นั่งพักรอกันทุกคน หรือว่านั่งพักเหนื่อยแล้วลุกไม่ขึ้น


ยืดเส้นขาสำหรับคนเป็นตระคิวนะจ๊ะ 


ไหวไหมเนี่ย ถามจริงๆ 


ถึงตอนนี้เราเดินมาถึงสันเขาแล้วค่อยๆใต่ตามสันเขาไปเรื่อยๆ




ฮึบๆ สู้ๆ 



ที่พักใต้ร่มไม้จุดสุดท้าย ก่อนจะเดินลุยแดดอันร้อนแรงไปตามสันเขา



พร้อมนะ ภาพเยอะมาก ลุย!



ตามสันเขา แดดแรงและร้อนมาก มีเพียงต้นไม้เป็นหย่อมให้ได้อิงอาศัยร่มเงา












เดินตามสันเขาผ่านยอดแล้วยอดเล่า ทางทั้งหวาดเสียวและอันตรายค่ะ หากใครที่กลัวความสูงถือว่าวัดใจกันเลยทีเดียว เพราะเราต้องเดินตามสันเขาแบบนี้ไปเรื่อยๆหลายกิโลเมตรเพื่อไปให้ถึงแคมป์ที่พักของเราคืนนี้ ภาพนี้ขอให้น้องในทริปช่วยถ่ายภาพตัวเองให้ค่ะ



ถ่ายภาพเล่นกับเพื่อนระหว่างทาง





เดินข้ามเขาลูกแล้วลูกเล่า ไม่มีท่าทีจะถึงแคมป์ที่พักสักที



ถ่ายเพื่อนจากระยะไกล



เส้นทางโหดอีกเส้นทางคือต้องใต่ทางชันตามหน้าผาและผ่านทุ่งหญ้าเดินตามสันเขาไปเรื่อยๆก็เข้าใกล้ที่แคมป์ที่พักแล้วค่ะ





หันหลังกลับไปดู นั่นคือเส้นทางที่เราเดินมา ข้างล่างต้นไม้อย่างเยอะ พอขึ้นมาถึงยอดเท่านั้นต้นไม้หายหมดเลยค่ะ ถามลูกหาบถึงสาเหตุ พี่เขาตอบว่ามันเป็นเองตามธรรมชาติ บนยอดนั้นแล้ง แดดแรงต้นไม้เลยไม่ขึ้นค่ะ


เดินเรื่อยๆเหนื่อยก็พัก ระหว่างทางวิวสวยก็หยุดถ่ายภาพ 


และในที่สุดเราก็ขึ้นมาจนถึงแคมป์ที่พักขอเราคืนนี้ในเวลาบ่ายคล้อย จัดการหาสถานที่ เก็บของและกางเตนท์ที่นอนให้เรียบร้อย ก่อนพระอาทิตย์ตกเรายังมีเวลาเดินขึ้นยอดไปชมวิวได้อีก 


ณ ยอดดอยมณฑา ระยะทางที่ใช้ในการเดินขามากว่า 12 กิโลเมตร



ชมพระอาทิตย์ตก


มุมนี้คิดเอง หลายคนชอบ ขอถ่ายด้วย ฮ่าๆๆ



นั่งมองพระอาทิตย์ค่อยๆลับขอบฟ้าไป บรรยากาศเย็นสบาย




หลังจากเก็บความประทับใจเสร็จก็เดินกลับลงมายังแคมป์ที่พักเพื่อกินข้าวพูดคุย พักผ่อนตามอัธยาศัย


ใครว่าเดินป่าต้องกินมาม่า ปลากระป๋อง ไม่จริงนะคะ วันนี้สุกี้หม้อไฟค่ะ จัดหนักจัดเต็มกันทุกคน




กินอิ่มทุกคนก็จัดแจงทำความสะอาดและพักผ่อนตามอัธยาศัย เราก็มาตั้งกล้องถ่ายดาว แต่วันนี้ดันเป็นวันคืนพระจันทร์เต็มดวง วันดาวดับจร้า ได้ภาพเท่านี้แล

อรุณสวัสดิ์จากยอดดอยมณฑา เช้านี้ไม่มีทะเลหมอกแต่ตั้งใจจะตื่นมาถ่ายพระอาทิตย์ขึ้น รอจนเกือบแปดโมงพระอาทิตย์ก็ยังไม่โผล่พ้นเมฆ เลยต้องลาไปเก็บของและแคมป์ที่พักกันเสียก่อน



อีกมุมหนึ่งของแคมป์ที่พัก เราพักบนยอดเขา ตื่นขึ้นมาก็สามารถมองวิวได้ 360 องศา หากแต่จะอันตรายก็ตอนกลางคืนต้องเดินดีๆนะคะ ส่วนยอดสูงสุดด้านซ้ายมือคือยอดดอยที่เราไปถ่ายพระอาทิตย์ตกค่ะ



อาหารเช้าวันนี้ ข้าวต้มกุ้ง No มาม่า ปลากระป๋องนะจ๊ะ ฮ่าๆๆ 


หลังจากกินอาหารเช้าและจัดแจงเก็บแคมป์ที่พักเสร็จเรียบร้อย เราก็เก็บกระเป๋าขึ้นเป้ เตรียมเดินทางกลับ ซึ่งทางกลับนั้นเราใช้อีกทางหนึ่ง คนละทางกับขามาค่ะ ลูกหาบบอกว่าทางนี้เร็วกว่า หากแต่วิวไม่สวยเท่าขามา 







ขาลงสบายกว่าจริงๆด้วยค่ะ 





วันนี้เราลงมาเป็นกลุ่มแรก มีเวลาเหลือเฟือในการถ่ายรูปเล่น


สิ่งหนึ่งที่ชอบคือการคุยกับคนในพื้นที่ ได้ความรู้ใหม่ๆเยอะมาก แต่ละที่ก็ต่างกันไป เราเรียกกันเป็นพี่เป็นน้อง ...พี่มิตร ลูกหาบใจดี ขากลับแกยังโทรมาถามว่าคณะกลับถึงบ้านกันหรือยัง และบอกว่าคราวหน้าไปเที่ยว จ.ตาก แวะไปพักที่บ้านพี่ได้ 



เส้นทางเดินส่วนใหญ่เป็นทางน้ำ บางจุดมีถ้ำสวยมาก โบถามว่าเห็นถุงพลาสติกที่เอวมั๊ย ลืมเข็มขัดเลยใช้ถุงรัดแก้ขัด เห็นมั๊ย? ตอบมันที













เดินๆขาลงรอบนี้ถือว่าหยุดพักน้อย ลงเร็วกว่าที่คิดใช้เวลาเดินสามชั่วโมงกว่าเท่านั้น ระหว่างทางเป็นทางน้ำ ดังนั้นน้ำจึงเหลือเฟือไม่จำเป็นต้นขนติดตัวมากค่ะ แต่น้ำตรงไหนสะอาดดื่มได้ต้องถามชาวบ้านและลูกหาบดีๆเสียก่อนนะคะ ถือคติคนท้องที่ดื่มได้เราก็ดื่มได้ค่ะ



สุดท้ายนี้ ลากันไปด้วยภาพดอกไม้ป่า ทริปนี้เดินไกลมาก ขามานั้นหนักหน่วงเลยทีเดียว แต่ขากลับสบายกว่าเยอะมาก เราเองก็ถ่ายแต่คนและวิวจนลืมถ่ายสิ่งเล็กๆน้อยๆ ...ทริปนี้ถือว่าประทับใจทางเดินตามสันเขา เดินผ่านเขาลูกแล้วลูกเล่า ดูวิวข้างทางจากบนยอดสวยมาก ถือว่าคุ้มที่ได้มา เจอกันทริปหน้านะคะ

สวัสดี