การเดินทางของเราในครั้งนี้เช่นเคย ใช้เวลาวันหยุดแค่เสาร์ อาทิตย์ สองวันหนึ่งคืนเท่านั้น เริ่มออกเดินทางจากกรุงเทพในคืนวันศุกร์ นอนพักผ่อนเอาแรงบนรถจนกระทั่งมาถึงจันทรบุรีในช่วงเช้าที่รีสอร์ทธารน้ำใส โฮมสเตย์ เพื่ออาบน้ำและรับประทานอาหารเช้าให้เรียบร้อยก่อนมุ่งหน้าเข้าสุ่หน่วย"ทุ่งเพล" จัดการแบ่งกระเป๋าสำหรับใส่เสื้อผ้าอาบน้ำตอนขาลงและแพ็คสัมภาระใส่กระเป๋าเดินป่าเตรียมตัวออกเดินทาง
ตรงจุดเตรียมตัวนี้มีบ้านพักเจ้าหน้าที่ มีห้องน้ำให้เข้าหรือถ้าเตรียมของมามากไปก็ฝากไว้ได้
เดินได้สักพักจะเจอแหล่งลำธารแหล่งแรก บริเวณลำธารแบบนี้มักมีทากและผึ้งอาศัย ควรระวังจุดที่นั่งพัก นอกจากนี้แถบลำธารที่นี่ยังมีกอต้นระกำป่ามากมาย เจ้าหน้าที่ได้เก็บมาให้เราลองชิมกัน ใครลองเป็นต้องร้องยี้กับความเปรี้ยวไปตามๆกัน
ลูกระกำป่า เปรี้ยวเข็ดฟัน
นอกจากลูกระกำป่า ยังมี "ลูกสำรอง" มีมากมายตามทางเดิน เจ้าหน้าที่เก็บให้เราใส่ขวดน้ำ เวลาที่เม็ดสำรองโดนน้ำตัวเม็ดจะค่อยๆพองตัวออกมา มีสรรพคุณดับการกระหายน้ำได้ ...อื้อหือ ความรู้ใหม่ ลองแล้วรสชาติออกหวานนิดหน่อยแต่แก้กระหายได้ดีจริงๆด้วยค่ะ
ทางเดินช่วงแรกยังไม่ชันมาก เดินเรื่อยๆ ระหว่างทางเดินมีไม้ใหญ่ขึ้นครึ้ม เป็นป่าดิบชื้นที่อุดมสมบูรณ์จริงๆ เดินข้ามน้ำไต่ทางชัน ประมาณ 2 ชม จะเริ่มเข้าสู่บริเวณหินก้อนใหญ่ เข้าสู่ป่าไผ่
เดินมาได้ครึ่งทาง พักรับประทานอาหารกลางวัน ถึงจุดนี้ยังมีสัญญาณโทรศัพท์
พอหลุดพ้นจากโซนป่าไผ่มาได้ ต่อไปเส้นทางจะมีแต่การปีนป่าย มีทั้งไต่เชือก ไต่เถาวัลย์ ใครแขนไม่แข็งแรง รองเท้าดอกยางไม่มี ลื่นลำบากแน่นอนค่ะ ต่อมาถึง "ถ้ำ" ถ้าเห็นถ้ำแล้วเตรียมดีใจได้เลย เราใกล้ถึงจุดหมายปลายทางของเราแล้วโดยเป็นถ้ำที่มีแต่หินเดินระวังกันสักหน่อย ภายในถ้ำเย็นมากค่ะ เดินทางมาเหงื่อชุ่มกลับแห้งภายในไม่กี่นาที
พอเดินออกจากถ้ำมาเราต้องเหยียบเถาวัลย์แล้วปีนขึ้นไปบนหินเพื่อไปสู่ที่ต่อไป ต้องเดินระวังๆสักหน่อยนะคะเส้นทางนี้ค่อนข้างอันตรายค่ะ
เดินต่ออีกสักพักก็ถึงยอดหินกูบ เพิงหินที่นอนชั้นหนึ่งของเรา จัดการวางสัมภาระและพักผ่อนกันตามอัธยาศัย เราขึ้นมาถึงประมาณบ่ายสี่โมง ยังมีเวลาเหลือเฟือพักผ่อน นั่งชมวิวเมืองจันทรบุรีจากมุมสูง
นั่งๆนอนๆพักจนหายเหนื่อย ก็ได้เวลาไปขึ้นหลังกูบ ซึ่งต้องเดินขึ้นไปอีกนิดนึง จริงๆมันก็คือหินด้านบนที่เรานอนกันนี่แหละค่ะ แต่ทางที่ปีนหลังกูบเนี่ย ค่อนข้างวัดใจเพราะทั้งชัน ปีนเชือก ปีนเถาวัลย์บางช่วงต้องปีนต้นไม้ข้ามหน้าผาเพื่อไปยังหินอีกก้อนหนึ่ง
หลังจากสำรวจหลังกูบถ่ายภาพชมวิวกันเรียบร้อยก็กลับที่พักและปีนต่อไปที่ผาหมี เป็นผาที่อยู่ข้างๆกับแคมป์ที่พักชื่อว่าผาหมี
เมื่อใกล้ค่ำเราก็กลับแคมป์ที่พัก จัดเตรียมอาหารเย็นและจัดแจงที่นอนกันค่ะ
กินข้าวเสร็จก็ล้างหน้าแปรงฟัน เตรียมนอน ถามว่าอาบน้ำไหม ตอบเลยว่าไม่! 555 ที่นอนของเรานั้นนอนแบบปลาทู คือปูที่นอนเป็นแนวยาวในถุงนอนโดนมีตัวชะง่อนหินเป็นหลังคา นอนดูดาวอาบนมห่มฟ้า หนาวจับใจเลยทีเดียว
สวัสดีเช้าวันใหม่บนยอดหินกูบ เรียกได้ว่าแค่ตื่นมาก็ได้เห็นพระอาทิตย์ขึ้นกันเลยทีเดียว สมราคาที่พักสุดหรู วิวราคาล้านจริงๆค่ะ ฮ่าๆๆ นั่งรอชมพระอาทิตย์ขึ้น
รับประทานอาหารเข้า จัดแจงข้าวของเสร็จก็เดินลงกลับไปยังหน่วยทุ่งเพลค่ะ
ทริปครั้งนี้ใช้เวลาเดินทางเพียงสองวันหนึ่งคืน คือเสาร์ อาทิตย์เพียงเท่านั้น หากมีเวลาต้องลองไปสักครั้งนะคะ ขอขอบคุณเพื่อนร่วมทริปทุกคนและภาพบางภาพจากเพื่อนๆนะคะ ทริปหน้าไปไหนดี
ตรงจุดเตรียมตัวนี้มีบ้านพักเจ้าหน้าที่ มีห้องน้ำให้เข้าหรือถ้าเตรียมของมามากไปก็ฝากไว้ได้
ลูกระกำป่า เปรี้ยวเข็ดฟัน
นอกจากลูกระกำป่า ยังมี "ลูกสำรอง" มีมากมายตามทางเดิน เจ้าหน้าที่เก็บให้เราใส่ขวดน้ำ เวลาที่เม็ดสำรองโดนน้ำตัวเม็ดจะค่อยๆพองตัวออกมา มีสรรพคุณดับการกระหายน้ำได้ ...อื้อหือ ความรู้ใหม่ ลองแล้วรสชาติออกหวานนิดหน่อยแต่แก้กระหายได้ดีจริงๆด้วยค่ะ
ทางเดินช่วงแรกยังไม่ชันมาก เดินเรื่อยๆ ระหว่างทางเดินมีไม้ใหญ่ขึ้นครึ้ม เป็นป่าดิบชื้นที่อุดมสมบูรณ์จริงๆ เดินข้ามน้ำไต่ทางชัน ประมาณ 2 ชม จะเริ่มเข้าสู่บริเวณหินก้อนใหญ่ เข้าสู่ป่าไผ่
เดินมาได้ครึ่งทาง พักรับประทานอาหารกลางวัน ถึงจุดนี้ยังมีสัญญาณโทรศัพท์
พอหลุดพ้นจากโซนป่าไผ่มาได้ ต่อไปเส้นทางจะมีแต่การปีนป่าย มีทั้งไต่เชือก ไต่เถาวัลย์ ใครแขนไม่แข็งแรง รองเท้าดอกยางไม่มี ลื่นลำบากแน่นอนค่ะ ต่อมาถึง "ถ้ำ" ถ้าเห็นถ้ำแล้วเตรียมดีใจได้เลย เราใกล้ถึงจุดหมายปลายทางของเราแล้วโดยเป็นถ้ำที่มีแต่หินเดินระวังกันสักหน่อย ภายในถ้ำเย็นมากค่ะ เดินทางมาเหงื่อชุ่มกลับแห้งภายในไม่กี่นาที
พอเดินออกจากถ้ำมาเราต้องเหยียบเถาวัลย์แล้วปีนขึ้นไปบนหินเพื่อไปสู่ที่ต่อไป ต้องเดินระวังๆสักหน่อยนะคะเส้นทางนี้ค่อนข้างอันตรายค่ะ
เดินต่ออีกสักพักก็ถึงยอดหินกูบ เพิงหินที่นอนชั้นหนึ่งของเรา จัดการวางสัมภาระและพักผ่อนกันตามอัธยาศัย เราขึ้นมาถึงประมาณบ่ายสี่โมง ยังมีเวลาเหลือเฟือพักผ่อน นั่งชมวิวเมืองจันทรบุรีจากมุมสูง
นั่งๆนอนๆพักจนหายเหนื่อย ก็ได้เวลาไปขึ้นหลังกูบ ซึ่งต้องเดินขึ้นไปอีกนิดนึง จริงๆมันก็คือหินด้านบนที่เรานอนกันนี่แหละค่ะ แต่ทางที่ปีนหลังกูบเนี่ย ค่อนข้างวัดใจเพราะทั้งชัน ปีนเชือก ปีนเถาวัลย์บางช่วงต้องปีนต้นไม้ข้ามหน้าผาเพื่อไปยังหินอีกก้อนหนึ่ง
หลังจากสำรวจหลังกูบถ่ายภาพชมวิวกันเรียบร้อยก็กลับที่พักและปีนต่อไปที่ผาหมี เป็นผาที่อยู่ข้างๆกับแคมป์ที่พักชื่อว่าผาหมี
กินข้าวเสร็จก็ล้างหน้าแปรงฟัน เตรียมนอน ถามว่าอาบน้ำไหม ตอบเลยว่าไม่! 555 ที่นอนของเรานั้นนอนแบบปลาทู คือปูที่นอนเป็นแนวยาวในถุงนอนโดนมีตัวชะง่อนหินเป็นหลังคา นอนดูดาวอาบนมห่มฟ้า หนาวจับใจเลยทีเดียว
สวัสดีเช้าวันใหม่บนยอดหินกูบ เรียกได้ว่าแค่ตื่นมาก็ได้เห็นพระอาทิตย์ขึ้นกันเลยทีเดียว สมราคาที่พักสุดหรู วิวราคาล้านจริงๆค่ะ ฮ่าๆๆ นั่งรอชมพระอาทิตย์ขึ้น
ใครว่าเดินป่านอนบนยอดเขา ต้องกินมาม่าปลากระป๋องครัช นี่เลยหลักฐานแพนเค้กกีวี่สตอเบอรี่ก็มีนะเออ โดยเชฟพี่แมวtongue emoticonปล.เห็นพี่แมวเงียบๆนี่ของกินเพียบเลยครับ ฮ่าๆๆ
รับประทานอาหารเข้า จัดแจงข้าวของเสร็จก็เดินลงกลับไปยังหน่วยทุ่งเพลค่ะ
ทริปครั้งนี้ใช้เวลาเดินทางเพียงสองวันหนึ่งคืน คือเสาร์ อาทิตย์เพียงเท่านั้น หากมีเวลาต้องลองไปสักครั้งนะคะ ขอขอบคุณเพื่อนร่วมทริปทุกคนและภาพบางภาพจากเพื่อนๆนะคะ ทริปหน้าไปไหนดี
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น