โดยทริปนี้ใช้เวลาสามวันสองคืน
วันที่2 ถ้ำนกนางแอ่น เหมือนวันแรกคือเจ้าหน้าที่
สถานที่นี้ตั้งอยู่ที่อุทยานแห่งชาติลำคลองงู อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี อยู่ถนนสายที่จะไปสังขละบุรี จากรูปบนจะเห็นได้ว่าอยู่ไม่ไกลเลยจากเขาช้างเผือก
การเตรียมตัว
1. เครื่องแต่งกาย ควรเป็นกางเกงขายาวและไม่ควรเป็นยีนส์เพราะต้องมีการลงน้ำ ซึ่งต้องขึ้นๆลงๆบ่อยครั้ง เสื้อยืดแขนยาว รองเท้าหุ้มส้นมีดอกยางลึกพอสมควร หมวกหรือผ้าคลุมหน้าเอาไว้ป้องกันฝุ่น ลมและแสงแดด
2. กระเป๋าสำหรับใส่สัมภาระ ควรแยกออกเป็นสองใบคือ กระเป๋าสำหรับใส่เสื้อผ้าและกระเป๋ากันน้ำที่เป็นใบขนาดเล็กที่เราสามารถนำติดตัวไปเที่ยวเดินป่าด้วยได้
3. ครีมกันแดด สเปย์กันยุง
4. ไฟฉายคาดหัว ไฟฉายคาดหัวนี้สำคัญมากสำหรับการเข้าถ้ำ เนื่องจากถ้ำเสาหินนั้นมืดมาก จำเป็นต้องใช้แสงไฟในการนำทาง และเรายังต้องว่ายน้ำเข้าไปชมเสาหิน จึงไม่เหมาะจะใช้ไฟฉายแบบมือถือ
เริ่มต้นการเดินทาง โดยเราเดินทางออกจากกรุงเทพในวันศุกร์กลางคืน นอนกันบนรถอีกเช่นเคยจนถึงที่อุทยานแห่งชาติลำคลองงูเป็นเวลาตีสามกว่าๆ ทำการกางเตนท์และเก็บสัมภาระ พักผ่อนล้างหน้าแปรงฟัน หรือใครอยากอาบน้ำก็ได้มีห้องน้ำที่ในอุทยานให้บริการนะคะ แต่ขอบอกเลยว่าอากาศหนาวมาก
ลานกางเตนท์ในอุทยาน หลังจากเก็บสัมภาระก็เดินเก็บภาพเสียหน่อย อากาศเย็นสบายและฟ้าใสแจ๋วเลย
ร้านอาหารร้านเดียวในอุทยาน ที่สามารถทำอาหารให้เราได้ทุกอย่างเลยค่ะ อาหารอร่อยและราคาไม่แพง ซึ่งตรงนี้เราเรียกว่าเป็นแคมป์กลางก็ว่าได้ ทุกคนที่พักที่อุทยานต้องมาทานอาหารที่นี่กันค่ะ
ก่อนออกเดินทาง ถ่ายหน้าตา Before สักหน่อย
หลังจากนั้นเราก็ทำการเอาข้าวของที่จำเป็นในการเดินป่าแพ็คเก็บไว้ในกระเป๋ากันน้ำอย่างแน่นหนา เพราะการเดินทางนั้นมีทั้งเดินป่า ขึ้นเขาและลงน้ำค่ะ โดยเฉพาะเสาหินจุดท่องเที่ยวสำคัญที่เราต้องเข้าไปดูอยู่ในถ้ำซึ่งเราต้องว่ายน้ำเข้าไป
การเดินทางไปถ้ำเสาหิน เริ่มจากนั่งรถกระบะของทางอุทยานไปประมาณ 10 กิโลเมตร เจ้าหน้าที่จอดส่งที่ชายป่า แล้วลงเดินต่ออีกสองกิโลเมตร โดยเริ่มจากการเดินลงเขาก่อน ดังนั้นไม่ต้องพูดถึงขากลับเลย คือต้องปีนขึ้นนั่นเอง เดินเข้ามาเล็กน้อยก็จะเห็นป้ายยินดีต้อนรับตามธรรมเนียมนะคะ
ระหว่างทางเดิน ช่วงนี้ยังไม่เหนื่อยเท่าไหร่ เดินกินลมชมวิวไปเรื่อยๆ สังเกตว่าเราจะใส่ชูชีพเดินป่า เพราะเราจะมีการได้ลงน้ำกันต่อ โดยทุกคนจะต้องใส่ไว้ประจำกาย
หลังจากที่ไต่ลงกันมาได้เกือบ 1 กิโลเมตร เราก็เจอน้ำตกให้ได้นั่งพักเอาแรง ช่วงนี้สามารถเล่นน้ำได้ มีการโดดน้ำฝึกหัดไว้ก่อนกันอย่างสนุกสนาน
ช่วงนี้ถ่ายภาพได้น้อยมากค่ะ เพราะจะหยิบจับกล้องออกมาจากกระเป๋ากันน้ำแต่ละครั้งใช้เวลามาก ไหนจะต้องรีบแพ็คของ ไหนจะเดิน ไหนจะเก็บกล้องช่วงลงน้ำ วุ่นวายมากเลยค่ะ
หลังจากนั่งพักกันกินข้าวเรียบร้อย ต่อจากน้ำตกนี้เดินขึ้นย้อนไปตามทางน้ำจนถึงปากทางเข้าถ้ำ เดินข้ามน้ำตกไต่ไปตามทางแคบๆทางอันตรายมากแต่จะมีเจ้าหน้าที่คอยช่วยเหลืออยู่ตลอด หลังจากนั้นเราจะพบกับปากทางเข้าถ้ำขนาดใหญ่ ขอบอกว่าของจริงใหญ่มากจริงๆลองสังเกตจากคนที่ยืนอยู่ไกลๆในภาพข้างล่าง
จากปากทางเข้าถ้ำเราก็เริ่มนำไฟฉายแบบคาดศีรษะมาใส่กัน เตรียมตัวเข้าถ้ำไปดูเสาหินที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย โดยเจ้าหน้าที่เล่าว่าข้างในถ้ำนั้นไม่มีไฟให้แสงส่วางเลย เราจะต้องใช้ไฟฉายของทุกคนช่วยกันส่องนำแสงเดินทางเข้าไป
ภายในถ้ำนั้นมืดมาก มองเห็นจากไฟฉายบนศีรษะที่ใช้นำทางไปเท่านั้น เดินเข้าไปในถ้ำทางเดินเข้าไปดูเสาหิน โดยต้องลงว่ายน้ำเป็นบางชึ่ง ขึ้นๆลงๆ ทั้งมืดและน้ำเย็นมาก เข้าไปประมาณเกือบหนึ่งกิโลเมตรก็ถึงเสาหิน เสาหินนี้คืนจุดสำคัญของทริปนี้ เป็นเสาหินงอกหินย้อยขนาดใหญ่ที่บรรจบกันจนกลายเป็นแท่งเสาขนาดยักษ์สูง 62.5 เมตร ช่วงนี้ไม่ค่อยมีภาพให้ดูเพราะต้องเก็บกล้องถ่ายภาพใส่กระเป๋ากันน้ำ พูดเลยว่าเจอน้ำนี่ไม่สู้จริงๆค่ะ
หลังจากนั้นเราก็เดินกลับมาทางเดิมและนั่งรถกลับมายังแคมป์ที่พักที่อุทยาน จัดการอาบน้ำพักผ่อนเพื่อจะได้เดินทางต่อในวันพรุ่งนี้
วันที่สองของการเดินทาง วันนี้เราจะเดินเข้าไปชมถ้ำนางแอ่น และลอยตัวในน้ำออกมาจากป่า มีกระโดดน้ำตก วันนี้เป็นทริปที่แอดเวนเจอร์มาก ตื่นเช้ากินข้าวแล้วเตรียมสัมภาระเช่นเดียวกับวันแรก โดยมีรถกระบะของเจ้าหน้าที่ไปส่งที่ปากทางเข้าป่าอีกเช่นเคย แต่ครั้งนี้เป็นเส้นทางต่างจากวันแรก
เริ่มเดินเข้ามาเป็นป่าไผ่เหมือนเดิมค่ะ ทางไม่รกมากยังเดินสบาย
เดินเข้ามาประมาณหนึ่งกิโลเมตรก็พบกับป้าย จุดชมวิวนกนางแอ่น ก็ต้องถ่ายภาพคู่ป้ายตามธรรมเนียม
และแล้วก็แวะทักทายกับเพื่อนร่วมทริปที่บังเอิญพบกัน ทางเดียวกันไปด้วยกัน จะเห็นว่าทุกคนนั้นต้องใส่เสื้อชูชีพประจำกาย หอบหิ้วใส่เข้ามาเดินป่าด้วย เพราะอย่างที่บอกในตอนแรกว่าเราต้องได้ลงน้ำเท่าๆกับเดินป่า เริ่มอยากไปให้ถึงเร็วๆแล้วสิคะ
หลังจากถ่ายภาพเป็นที่พอใจกันแล้ว ก็เริ่มเดินทางต่อ หนทางยังอีกยาวไกล นี่เพียงแค่เริ่มต้นเท่านั้นสำหรับวันนี้
ทางชันต้องปีนเขา เป็นทางลาดเอียงจนเกือบเป็นเหวเลยก็ว่าได้
ยังคงไต่เขาไปเรื่อยๆ หินที่นี่ส่วนใหญ่เป็นภูเขาหินปูนและป่าไผ่
เริ่มเดินลงเขาสลับกับขึ้นเขา ขึ้นๆลงๆอยู่อย่างนี้กว่าห้ากิโลเมตร
บางจุดก็ต้องมีการปีนต้นไม้บ้างค่ะ :P
ตรงนี้เป็นทางเดินลงเขาเจ้าหน้าที่ได้ทำไม้กั้นกันหลงทาง เพราะแม้จะมีทางด่านให้เดินแต่ก็มีทางแยกไปหลายเส้นทาง หากเดินโดยไม่มีคนนำทางอาจหลงป่าได้ จากผ่านเส้นทางตรงนี้ก็ข้าสู่ทางเข้าถ้ำนางแอ่น ใกล้แล้ว
ในที่สุดก็ถึงปากทางเข้าถ้ำนางแอ่นทางเข้านั้นแคบมากและเป็นโพรงไม้ หากไม่สังเกตุให้ดีอาจมองไม่เห็นก็ได้ แต่ถ้าผ่านปากทางข้ามาแล้ว ตกใจมากพบว่าข้างในนั้นกว้างมาก แค่นี้ก็ดูอลังการแล้วนะคะ แค่ปากทางเข้าถ้ำ
บรรยากาศปากทางเข้าถ้ำนางแอ่น และประตูทะลุมิติ ตรงนี้เป็นจุดเริ่มต้นเข้าถ้ำ
ทางเข้าไปในถ้ำจากแรกเริ่มที่ปากทางเข้าถ้ำ เราจะเห็นบรรยากาศเป็นป่าไผ่เป็นส่วนใหญ่ พอเข้าด้านในเข้ามาเรื่อยๆ ทางจะเริ่มแคบลง จนต้องมุดลอดเข้ามาเรื่อยๆ ไม่มืดมากยังพอมีแสงไรๆให้เห็นได้บ้าง ภาพถ่ายใช้แพลตเลยอาจเหมือนสว่างแต่จริงๆมืดมากค่ะ
ที่ต้องเรียกว่าประตูทะลุมิติเพราะอย่างที่เห็นในภาพ เหมือนเรามาอยู่ในอีกมิติหนึ่งทันที อากาศเย็นยะเยือก ซึ่งต่างจากป่าในตอนแรกก่อนผ่านประตูทะลุมิตินี้ยิ่งนัก เข้าใจตั้งชื่อจริงๆ
ผ่านเข้ามาแล้วก็จะพบกับหินก้อนใหญที่เป็นสัญลักษณ์แสดงถึงถ้ำนกนางแอ่น
ถึงแล้ว ถ้ำนกนางแอ่น หลังจากจุดนี้ก็จะเป็นทางลงเนินไปเรื่อยๆ
พอลงมาถึงจุดด้านล่างจะเห็นลักษณะของหินปูนที่มีการถูกกัดกร่อยจนมีรูปทรงแหลมคม ล่างสุดเป็นน้ำและเข้าไปภายในเป็นถ้ำของนกนางแอ่น ดังที่พี่เจ้าหน้าที่ชี้ให้ดูกันนะคะ
ช่วงนี้มีการอัดคลิปเล็กๆ สั้นๆ ได้ยินเสียงน้ำ เสียงนกในถ้ำชัดเจนมาก ลองชมดูนะคะ
หลังจากชมถ้ำนกนางแอ่นจนพอใจ เราก็เดินทางกันต่อ เพื่อไปดูหินปูนรูปทรงประหลาดๆอีกมากมายที่เจ้าหน้าที่ได้โฆษณาไว้
ทีนี้จะถึงเวลาได้ใช้ชูชีพให้เป็นประโยชน์แล้ว ถึงเวลาจ้องลอยตัวตามน้ำ กระโดดน้ำจากหน้าผาสูงสามเมตร ซึ่งแตาละทางที่ปีนไปบนหินปูนนี้ ทั้งแหลมคม ต้องเตือนเรื่องการแต่งตัวเลยนะคะว่าควรสวมใส่รองเท้าที่มีดอกยางและไม่บางจนเกินไป
ระหว่างเดินทางมีทั้งมุดลอดถ้ำ ปีนหินปูนแหลมคม
จนกระทั่งถึงจุดที่เราต้องกระโดดน้ำ อยู่ๆก็มีลำแสงพุ่งออกมาจากเงาของต้นไม้ สวยงามมาก
แล้วก็มาถึงจุดที่ต้องกระโดดน้ำ ซึ่งจากนี้ไปก็ต้องเก็บสำภาระ กล้องถ่ายภาพเข้าสู่กระเป๋ากันน้ำ จากหน้าผาลงสู่น้ำ ลอยตามกระแสน้ำไปเรื่อยๆประมาณเกือบหนึ่งกิโลเมตร
ลอยตามกระแสน้ำจนมาถึงจุดที่เข้าไปชมหินปูนรูปทรงแปลกๆกันแล้ว เปียกปอนกันทุกคนค่ะ
ผ่านไปตามซอกหินภายในถ้ำ
ยิ่งใหญ่อลังการธรรมชาติงานสร้าง
และแล้วเราก็มาถึงจุดสุดท้ายของทริปนี้คือหินปูนที่เกิดจากธรรมชาติและมีรูปร่างแปลกประหลาดตามแต่เราจะตั้งชื่อ นี่ถือว่าเป็นจุดที่สวยมากอีกที่หนึ่ง และผจญภัยมากกว่าในวันแรกมาก
ในประเทศไทยสถานที่แบบนี้นับว่าหายาก เห็นตรงนี้แล้วเราก็ขอยกให้เป็น Unseen in Thailand เลยค่ะ แม้จะเหนื่อยแต่พอได้มาเห็นแบบนี้ก็หายเหนื่อยในทันที
หินปูนตรงนี้เจ้าหน้าที่บอกว่ารูปร่างเหมือนเอเลี่ยนในหนัง และถัดไปสีดำเข้มๆนั้นรูปร่างคล้ายหัวงูค่ะ
ส่วนถัดไปใกล้ๆก็คล้ายกับชั้นขนมเค้กบ้าง ชั้นน้ำพุบ้าง แล้วแต่ใครจะจินตนาการนะคะ แต่ว่าถ้ำเสาหินใหญ่แล้ว ถ้ำสุดท้ายตรงนี้ใหญ่ยิ่งกว่าหลายเท่า และที่สำคัญยังทำให้เห็นว่า คำว่า "ธรรมชาติสร้าง" นั้นเป็นอย่างนี้นี่เอง
หลังจากชมถ้ำเสร็จก็เดินทางกลับมายังที่พักโดยสวัสดิภาพ
โดยควาคิดเห็นของเราเอง เราคิดว่าถ้ำที่นี่ทั้งสองที่ ถ้ำเสาหิน ถ้ำนกนางแอ่น ล้วนสวยงามและยิ่งใหญ่ เหมาะอย่างยิ่งให้เป็นสถานที่ Unseen in Thailand และที่นี่เราให้เป็นทริปที่โหดเลยทริปหนึ่ง ต้องใส่ชูชีพเดินป่า เพราะมีทั้งเดินป่าและลงน้ำ ลอยตัวตามน้ำ กระโดดน้ำตกสูงหลายเมตร แต่ก็เป็นที่ที่สวยมากๆ อลังการสุดๆ ซึ่งอาจยังไม่ค่อยมีชื่อเสียงนักเพราะการท่องเที่ยวยังไม่โปรโมท
ขอบคุณที่อ่านมาจนถึงตรงนี้ค่ะ
สวัสดี
เยี่ยมเลยจ้า จะเก็บไว้เป็นหนึ่งในตัวเลือกของทริปผจญภัยที่จะตามรอยนะ
ตอบลบขอบคุณมากค่า มีกำลังใจทำทริปต่อๆไป ฮึบๆ ^^
ตอบลบมีรูปเค้าด้วย^___^
ตอบลบรูปพี่เยอะที่สุดแว้ว เต็มกล้องเบย ฮ่าๆๆ
ลบเยี่ยมมากครับรอติดตามผลงานอยู่นะครับ
ตอบลบพึ่งเห็นคอมเมนท์ ขอบคุณมากๆเลยนะคะพี่มานะ :)
ลบ