วันอังคารที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2559

วิธีทรงอารมณ์สมาธิให้ได้เร็วๆ


::พระธรรมคำสอน หลวงพ่อพระราชพรหมยาน::


การเจริญพระกรรมฐาน วิธีการเจริญรวบรัด

อารมณ์ของเขาจะไม่ปล่อยคำภาวนา ให้รู้ลมหายใจเข้าออก เราจะอยู่ในอริยาบทไหนก็ตาม ใจจับคำภาวนาไว้เสมอ นั่นก็คือ พุทโธ เวลาหายใจเข้านึกว่าพุธ เวลาหายใจออกนึกว่าโธ เอาเท่านี้ไม่ต้องมาก ไม่ต้องไปนึกถึงว่านิวรณ์ ๕ มีอะไรบ้าง กรรมฐาน ๔๐ มีอะไรบ้าง ดันมันไปแถบเดียวเท่านี้ นี่เป็นจริยาของสาวก แต่ถ้าจริยาของท่านปรารถนาพุทธภูมินี่ไม่ได้ ความจริงก็ทำได้เหมือนกัน แต่ได้อย่างพระสาวก ไม่ใช่ได้อย่างพระพุทธเจ้า เราเป็นอรหันต์เร็วที่สุดนั่นแหละมันดี มันจะได้พ้นทุกข์ และก็ไม่ต้องกลัวว่าต่อไปจะไม่มีพระพุทธเจ้าสอน เวลานี้ท่านที่มีบารมีเต็ม ไปรอคิวกันอยู่ถึง ๒๐ องค์กว่า และที่มีบารมีขั้นปรมัตถบารมี ใกล้จะเต็มอีกนับไม่ถ้วน ฉะนั้นเราก็ไม่ควรจะห่วงใคร ห่วงตัวเองเป้นสำคัญ ถ้าเราไม่อิ่มก็อย่าพึ่งป้อนคนอื่น
การที่ใช้คำภาวนาว่า พุทโธ กับรู้ลมหายใจเข้าออก เวลาทำงานทำการที่ไม่ใช้ความคิดก็ทำไปด้วย เดินไปเดินมาก็ภาวนาอยู่ด้วย ยามว่างนั่งเล่นนอนเล่นก็ภาวนาด้วย หนักเข้าอารมณ์มันจะชิน ถึงเวลาคุยกับชาวบ้านก็ยังภาวนา เวลาคุยก็คุยไป พอหยุดคุยปั๊บปากเราหยุดพูด เพื่อนเขาพูด เราก็ภาวนา ถามว่าถ้าภาวนาจะรู้คำพูดเขาเรอะว่าเรื่องอะไร ความจริงใช้ได้เลย จิตใจจับคำภาวนาอยู่อย่างนั้น เขาพูดทุกคำเรารู้เรื่อง และปัญญามันจะเกิดทันที เพราะจิตเป็นสมาธิ ที่พูดอย่างนี้เพราะเคยทำมาแล้ว จิตมันเผลอจากงานอื่นไม่ได้มันก็จับเป็นปกติ มันเป็นอาจิณโดย จิตมันเป็นอัตโนมัติที่ไม่ต้องบังคับ ถ้าเราทำเป็นเท่านี้เรียกว่าผู้ทรงฌาณ 

เอามันอย่างเดียว ใครเขาถามบอกว่าฉันไม่มีอะไร ฉันมีอย่างเดียวคือพุทโธอย่างเดียว กับลมหายใจเข้าออก หายใจเข้านึกว่าพุธ หายใจออกนึกว่าโธ ให้มันติดใจจริงๆ ถ้ามันติดใจจริงๆ อารมณ์ฌาณมันจะกดกิเลสทั้งหมด ความฟุ้งซ่าน ความโลภ โกรธ หลง อิจฉาริษยา ค่อนแคะคนนั้นคนนี้จะไม่มีสำหรับเราเลย เพราะว่าจิตมันทรงฌารมันขี้เกียจพูด มันไม่อยากจะพูด ถ้าพูดก็พูดน้อย พูดโดยธรรม และจิตจะเป็นสุขตลอดวัน เมื่อจิตเป็นสุขตลอดวันปัญญามันเกิด ปัญญามันดีมากมีความผ่องใส ใครพูดอะไรเข้ามานิดเดียวจะกระทบใจ จะมีความรู้สึกทันทีว่า คำพูดของเขานี้มีความมุ่งหมายอย่างไร

จำไว้นะนักปฏบัติ ไอ้ที่ยังวุ่นวายฟุ้งซ่าน นินทา ค่อนแคะคนนั้นคนนี้ นั้นคือเรามันเลวเต็มที ถ้าจิตของเราทรงสมาธิจริงๆ อารมณ์นี้มันจะไม่ยุ่งกับใครเลย อารมณ์จิตจะเป็นสุข เรื่องภาวนานี่ไม่ต้องยุ่งไม่ต้องบังคับมันจะเกิดของมันเอง คำว่าเหนื่อย คำว่าทุกข์ ไม่สบาย ความขัดข้องมันไม่มี  ใจมันสบายมาก อารมณ์มันแน่นสนิท นี่วีธีปฏิบัติง่ายๆ ง่ายๆและได้ผลดี เมื่อจิตทรงฌาณดีแล้วปัญญามันเกิดเองในด้านวิปัสนาญาณ ไม่ต้องเป็นห่วง


วิธีการคุมสมาธิขั้นต้น

วิธีคุมสมาธิขั้นต้น (ตอนที่ ๑)


วิธีการคุมสมาธิขั้นต้น (ตอนที่๒)


ทุกคนเวลาจะทำสมาธิให้ทำสมาธิด้วยความตั้งใจ และก็อย่าตั้งใจมากเกินไป ตั้งใจแต่พอสมควร เอาแค่เบาๆสบายๆ ทำใจปกติ เวลาภาวนาอยู่จงอย่าอยากรู้อยากเห็นทุกสิ่งทุกอย่าง ถ้าอยากรู้อยากเห็นเวลานั้นมันไม่ได้เห็น เพราะอะไร เพราะว่าจิตฟุ้งซ่าน เวลาที่ครูให้ภาวนาให้ตั้งใจรู้ลมหายใจเข้าออก คือตั้งใจอย่าให้เครียด แค่เอาจิตใจให้รู้ว่าเวลานี้หายใจเข้า เวลานี้หายใจออก และเวลาภาวนาก็ภาวนาแบบสบายๆ พยายามทำจิตให้เป็นสุข การทรงอารมณ์ภาวนาที่ครูให้ทำก็ไม่เกิน ๑๐ นาที เวลา๑๐นาทีบรรดาญาติโยมพุทธบริษัทจงอย่าคิดว่ามันเป็นเวลาเล็กน้อยและคิดว่าคุมอารมณ์อยู่อันนี้ไม่จริง ปะเดี๋ยวเดียวจิตก็แล่นไปสู่อารมณ์อื่น ก็ถือว่าเป็นเรื่องธรรมดา ขอจงอย่าคิดว่าเราทำผิด ให้คิดว่าเราทำถูก จิตมันแล่นไปให้รู้สึกตัวแล้วกลับมาใหม่จับที่ลมหายใจ จับลมหายใจเข้าออกใหม่ ...

การรู้ลมหายใจเข้าออก อย่าบังคับให้แรงหรือให้เบา ปล่อยไปตามสบายของลมหายใจ เพียงแค่เอาจิตใจรับทราบเท่านั้น หลังจากนั้นเวลาครูแนะนำในการตัดกิเลส อันนี้สำคัญมาก ความเป็นทิพย์จะเกิดหรือไม่เกิดอยู่ที่ตรงนี้ ทีแรกการรู้ลมหายใจเข้าออกก็ดี รู้คำภาวนาก็ดียังไม่เกิดความเป็นทิพย์ จงอย่าคิดอยากเห็นอะไรทั้งหมดเวลานั้น ความเป็นทิพย์จะเกิดได้ก็เพราะว่าเราไม่คิดถึงเรื่องอื่น เวลาที่เขาแนะนำ หูฟัง ตั้งใจฟังเสียงที่เขาพูด จิตก็น้อมไป กิเลสจะค่อยๆวางลง มีกำลังเบาลงทีละน้อยๆ ในที่สุดจนกระทั่งจิตไม่นึกถึงกิเลส มันจะเป็นเฉพาะเวลาเล็กน้อยก็ช่าง เมื่อจิตไม่นึกถึงกิเลสเมื่อนั้นจิตจะว่างจากกิเลส เมื่อนั้นจิตจะมีความสะอาด เมื่อจิตสะอาดความเป็นทิพย์ก็เกิดขึ้น ความเป็นทิพย์เกิดขึ้นในอารมณ์นี้ให้บรรดาพุทธบริษัทเชื่อในอารมณ์แรกเป็นสำคัญ ...

อดีตังสุริญาณ...ถ้ามีเวลาก็ทบทวนกฏของกรรมของเราเสียด้วยว่ากฏของกรรมของเราที่มาเกิดเป็นมนุษย์ที่มีรูปร่างหน้าตาแบบนี้ มีฐานะแบบนี้เพราะอาศัยบุญอะไร ความสุขและความทุกข์ที่มันเกิดขึ้นมาอย่างนี้เพราะอาศัยกรรมที่เป็นอกุศลแบบไหน และมีกรรมประเภทใดบ้างที่เราคิดว่าเราทำแล้ว แล้วต่อไปในเบื้องหน้ามันจะให้โทษเราแบบไหน แล้วเราจะหนีกรรมประเภทนี้ได้ยังไง อันนี้นักเจริญกรรมฐานแบบนี้ต้องปฏิบัติอย่างนี้ จึงจะมีการคล่องตัว ...

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น