วันจันทร์ที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2558

พูดคุยกับความคิดให้เข้าใจและพัฒนาตัวเรา


ตัวเราเป็นคนที่ชอบพูดคุยกับตัวเองมากกว่าใคร ชอบเขียนจดบันทึกความคิด

ตอนนี้จิตใจฟุ้งซ่านขึ้นมา เพราะหลายอย่างที่พบเจอมันทำให้คิดมาก ถ้าจะพูดให้ถูก ก็คงเป็นที่จิตใจของเราเสียมากกว่า ไม่มีใครที่ไหนมาทำให้เราคิดมากได้ คนที่คิดคือตัวเรา คนที่ทำให้เกิดที่แท้จริงก็คือตัวเรา ใช่หรือไม่...แต่ทั้งๆที่เรารู้ทำไมถึงไม่สามารถหยุดความคิดได้ น่าจะเป็นคำถามที่ดี "เวลามีคนมาพูดให้เราไม่สบายใจ ทั้งๆที่ก็รู้ว่า คนคิดคือตัวเรา แต่ทำไมหยุดคิดไม่ได้" ...คิดแล้วก็ขำ นั่นสิ ทำไม? พิจารณาดูคนเหล่านั้นมีอิทธิพลกับจิตใตเราไหม เขาพูด เขาทำ วาจาเขาศักดิ์สิทธ์หรือเราถึงต้องมาทุกข์ เพราะความคิดที่ว่า ทำไมต้องมาว่าเรา เราทำอะไรผิด เราดูไม่ดีในสายตาคนอื่น นั่นสินะแล้วทำไมต้องดูดีในสายตาคนอื่น

คนดี ความดียังอยู่ในตัว ฝังลึกข้างใน ต่อให้ใครมาว่าเรา ด็ไม่สามารถทำลายความดีที่เรามีได้ เขาเรียก"ดีโดยเนื้อแท้"

เรื่องการยอมก็เช่นเดียวกัน การที่เราเป็นคนยอมจึงถูกเลือกให้โดนเอาเปรียบมากที่สุด การที่เราไม่ยอมจึงถูกเลือกให้เป็นคนเอาเปรียบมากที่สุด แน่นอน ในทางพระพทธศาสนาย่อมสอนให้ยอม แล้วการยอมนั้นดีอย่างไร ทั้งๆที่ยอมแล้วต้องโดนเอาเปรียบ หากเรารู้สึกว่าการยอมของเราไม่ยุติธรรมให้คิดว่าเรากำลังใช้กรรมให้เขาอยู่ ชาติก่อนเราอาจเคยเป็นคนทำเขามาก็ได้ ยิ้ม อโหสิกรรม ให้มันจบลงเท่านี้ ตรงนี้ จบที่คำว่า ยอม ของเรา 

เส้นกั้นบางๆระหว่างจิตใจที่หลุดพ้นและติดอยู่ในห้วงของกิเลสเพียงชั่วขณะ เราเคยเจอมาแล้วกับตัวเราเอง มันมีจริงๆนะเสียงข้างในจิตใจ จิตใจดีและจิตใจชั่ว ในยามที่เราจมกับกิเลส จะมีเสียงหนึ่งในใจกระซิบบอกเราให้ออกมาจากกองกิเลสนั้น แต่เหมือนมีกาวเหนี่ยวยึดร่างเราไว้อยู่ เราออกมาไม่ได้ เราตัดสินใจเฮือกสุดท้ายดันตัวเองออกมาจนได้สำเร้จ ในตอนนั้นความรู้สึกมันปลอกโปร่ง เราจะไม่ทุกข์กับกิเลสอันนั้นแล้ว แต่รู้ไหมว่ากว่าที่เราจะออกมาได้ เราทำได้อย่างไร มันเป็นแค่เส้นบางๆเฮือกเดียวที่เราต้องสู้กับมัน อย่างที่เขาเรียกกันว่า มานะ

หนทางการดับทุกข์ในคำสอนของพระพุทธเจ้าคือมรรคมีองค์แปด รายละเอียดนั้นคงต้องศึกษากันให้ถ่องแท้แล้วเขียนในตอนถัดไป

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น