วันศุกร์ที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

อริยมรรคมีองค์แปด


อริยมรรคมีองค์แปด 

ภิกษุทั้งหลาย ! ก็อริยสัจคือหนทางเป็นเครื่องให้ ถึงความดับไม่เหลือแห่งทุกข์นั้น เป็นอย่างไรเล่า ? คือหนทางอันประกอบด้วยองค์แปดอันประเสริฐ นี้เอง

องค์แปดคือ
ความเห็นชอบ, ความดำริชอบ, การพูดจาชอบ, การงานชอบ, การเลี้ยงชีพชอบ, ความเพียรชอบ, ความระลึกชอบ, ความตั้งใจมั่นชอบ

1. ภิกษุทั้งหลาย ! ความเห็นชอบเป็นอย่างไร
ภิกษุทั้งหลาย ! ความรู้ในทุกข์, ความรู้ในเหตุให้ เกิดทุกข์, ความรู้ในความดับไม่เหลือแห่งทุกข์, ความรู้ใน หนทางเป็นเครื่องให้ถึงความดับไม่เหลือแห่งทุกข์ อันใด
นี้เราเรียกว่า สัมมาทิฏฐิ

2. ภิกษุทั้งหลาย ! ความดำริชอบเป็นอย่างไร
ภิกษุทั้งหลาย ! ความดำริในการออกจากกาม, ความดำริในการไม่พยาบาท, ความดำริในการไม่เบียดเบียน
นี้เราเรียกว่า สัมมาสังกัปปะ

3. ภิกษุทั้งหลาย ! การพูดจาชอบเป็นอย่างไรเล่า ? ภิกษุทั้งหลาย ! การเว้นจากการพูดเท็จ, การเว้น จากการพูดยุให้แตกกัน, การเว้นจากการพูดหยาบ, การเว้นจากการพูดเพ้อเจ้อ
นี้เราเรียกว่า สัมมาวาจา

4. ภิกษุทั้งหลาย ! การงานชอบเป็นอย่างไร
ภิกษุทั้งหลาย ! การเว้นจากการฆ่าสัตว์, การเว้น จากการถือเอาสิ่งของที่เจ้าของไม่ได้ให้, การเว้นจากการ ประพฤติผิดในกามทั้งหลาย
นี้เราเรียกว่า สัมมากัมมันตะ.

5. ภิกษุทั้งหลาย ! การเลี้ยงชีพชอบเป็นอย่างไร
ภิกษุทั้งหลาย ! อริยสาวกนี้ ละมิจฉาชีพเสีย สำเร็จ ความเป็นอยู่ด้วยสัมมาชีพ 
นี้เราเรียกว่า สัมมาอาชีวะ

6. ภิกษุทั้งหลาย ! ความเพียรชอบเป็นอย่างไร
ภิกษุทั้งหลาย ! ภิกษุนี้ ย่อมปลูกความพอใจ ย่อม พยายาม ย่อมปรารภความเพียร ย่อมประคองจิต ย่อม ตั้งจิตไว้ เพื่อความไม่บังเกิดขึ้นแห่งอกุศลธรรมทั้งหลาย อันเป็นบาป ที่ยังไม่ได้บังเกิดขึ้น; ย่อมปลูกความพอใจ ย่อมพยายาม ย่อมปรารภความเพียร ย่อมประคองจิต ย่อมตั้งจิตไว้ เพื่อการละเสียซึ่งอกุศลธรรมทั้งหลายอัน เป็นบาป ที่บังเกิดขึ้นแล้ว; ย่อมปลูกความพอใจ ย่อม พยายาม ย่อมปรารภความเพียร ย่อมประคองจิต ย่อม ตั้งจิตไว้ เพื่อการบังเกิดขึ้นแห่งกุศลธรรมทั้งหลายที่ยัง ไม่ได้บังเกิด; ย่อมปลูกความพอใจ ย่อมพยายาม ย่อม ปรารภความเพียร ย่อมประคองจิต ย่อมตั้งจิตไว้ เพื่อ ความยั่งยืน ความไม่เลอะเลือน ความงอกงามยิ่งขึ้น ความไพบูลย์ ความเจริญ ความเต็มรอบแห่งกุศลธรรม ทั้งหลายที่บังเกิดขึ้นแล้ว
นี้เราเรียกว่า สัมมาวายามะ

7. ภิกษุทั้งหลาย ! ความระลึกชอบเป็นอย่างไร
ภิกษุทั้งหลาย ! ภิกษุนี้ เป็นผู้มีปกติพิจารณาเห็น กายในกายอยู่, มีความเพียรเป็นเครื่องเผากิเลส มีความ รู้สึกตัวทั่วพร้อม มีสติ นำ ความพอใจและความไม่พอใจ ในโลกออกเสียได้; เป็นผู้มีปกติพิจารณาเห็นเวทนาใน เวทนาทั้งหลายอยู่, มีความเพียรเป็นเครื่องเผากิเลส มีความรู้สึกตัวทั่วพร้อม มีสติ นำ ความพอใจและความ ไม่พอใจในโลกออกเสียได้; เป็นผู้มีปกติพิจารณาเห็นจิต ในจิตอยู่, มีความเพียรเป็นเครื่องเผากิเลส มีความรู้สึก ตัวทั่วพร้อม มีสติ นำ ความพอใจและความไม่พอใจใน โลกออกเสียได้; เป็นผู้มีปกติพิจารณาเห็นธรรมในธรรม ทั้งหลายอยู่, มีความเพียรเป็นเครื่องเผากิเลส มีความ รู้สึกตัวทั่วพร้อม มีสติ นำ ความพอใจและความไม่พอใจ ในโลกออกเสียได้
นี้เราเรียกว่า สัมมาสติ

8. ภิกษุทั้งหลาย ! ความตั้งใจมั่นชอบเป็นอย่างไร
ภิกษุทั้งหลาย ! ภิกษุนี้ เพราะสงัดจากกามทั้งหลาย เพราะสงัดจากอกุศลธรรมทั้งหลาย ย่อมเข้าถึงฌานที่หนึ่ง อันมีวิตกวิจาร มีปีติและสุข อันเกิดแต่วิเวก แล้วแลอยู่; เพราะวิตกวิจารรำ งับลง, เธอเข้าถึงฌานที่สอง อันเป็น เครื่องผ่องใสแห่งใจในภายใน ให้สมาธิเป็นธรรมอันเอก ผุดขึ้น ไม่มีวิตกไม่มีวิจาร มีแต่ปีติและสุข อันเกิดแต่สมาธิ แล้วแลอยู่; เพราะปีติจางหายไป, เธอเป็นผู้เพ่งเฉยอยู่ได้ มีสติ มีความรู้สึกตัวทั่วพร้อมและได้เสวยสุขด้วยนามกาย ย่อมเข้าถึงฌานที่สาม อันเป็นฌานที่พระอริยเจ้าทั้งหลาย กล่าวสรรเสริญผู้ได้บรรลุว่า “เป็นผู้เฉยอยู่ได้ มีสติ มี การอยู่เป็นสุข” แล้วแลอยู่; เพราะละสุขและทุกข์เสียได้ และเพราะความดับหายไปแห่งโสมนัสและโทมนัส ในกาลก่อน, เธอย่อมเข้าถึงฌานที่สี่ อันไม่ทุกข์และไม่สุข มีแต่สติอันบริสุทธิ์ เพราะอุเบกขา แล้วแลอยู่
นี้เราเรียกว่า สัมมาสมาธิ

ภิกษุทั้งหลาย ! นี้เราเรียกว่า อริยสัจ คือ หนทาง เป็นเครื่องให้ถึงความดับไม่เหลือแห่งทุกข์

ที่มา: หนังสือพุทธวจน หมวดธรรม เปิดรรมที่ถูกปิด "ตามรอยธรรม"

วันพุธที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

ความสำคัญของวันโกนวันพระ

หัวข้อนี้อยากจะเล่าถึงเรื่อง วันโกน วันพระ นั้นมีความสำคัญอย่างไร...  โดยบทความรู้นี้ต้องขอบคุณพี่กันต์ กวินต์ เป็นอย่างสูงมา ณ ที่นี้ค่ะ ทุกตัวอักษรพิมพ์อย่างตั้งใจ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะเป็นประโยชน์แก่ผู้สนใจค่ะ 

"วันโกน"คือวันก่อน"วันพระ"หนึ่งวัน ตามปฏิทินจันทรคติมีความเชื่อทางพุทธศานาว่าเป็นวันสำคัญทางพระพิธีการต่างๆ เช่นการปลงผมก็ดี การสวดปาฏิโมกข์เพื่อชำระศีลก็ดี รวมถึงการประกอบพิธีทำบุญใหญ่ๆ เราก็จะเลือกทำในวันนี้ ซึ่งเป็นปกติของชาวพุทธเราที่จะไปทำบุญตักบาตร..



ย้อนไปอดีตคนสมัยก่อนเขานิยมหยุดงานกันในวันพระหรือวันโกน ถือเป็นวันหยุดพักผ่อนทางราชการและชาวบ้านทั่วไป แต่ในสมัยต่อมาอิทธิพลชาติตะวันตกเริ่มมีอิทธิพลกับคนไทย จำให้ราชการเปลี่ยนวันหยุดมาเป็นเสาร์อาทิตย์แทน

แต่ในทางโลกทิพย์นั้นวันนี้สำคัญอย่างไร? 

ประการแรก ทางนรกโลก ผู้ที่ตัดสินโทษและลงฑัณฑ์จะหยุดการทรมานสัตว์นรกชั่วคราวในช่วงเวลาวันโกนวันพระนี้ และหยุดการชำระความคดีต่างๆ และเปิดประตูโลกวิญญาณให้ญาติของเราผู้เสียชีวิตไปแล้วสามารถขึ้นมาขอรับบุญจากญาติในโลกมนุษย์ได้ หากดวงจิตใดไม่สวามารถขึ้นมารับได้อาจเพราะอยู่ในขุมนรกที่ลึกเกินไป เราก็สามารถอุทิศบุญกุศลให้เขาโดยฝากผ่านเทพเทวดา พระแม่ธรณีช่วยนำส่งผลบุญนั้นไปถึงญาติเรา เขาเหล่านั้นก็สามารถที่จะรับและเสวยบุญนั้นได้เลยทันที ดังนั้นจะเห็นได้ว่าผู้ที่สามารถสัมผัสได้ทางกายหยาบบางครั้งอาจมีอาการปวดเนื้อปวดตัว มึนหัว เกิดอารมณ์หงุดหงิดฉุนเฉียวอย่างไม่ทราบสาเหตุ หรือมีอาการเจ็บป่วยบ้างจามอาการของญาติที่เสียไป หรือบ้างก็ฝันเห็น หรือบางทีก็สามารถสัมผัสได้ทางจิตเลยว่า ท่านเหล่านั้นมารอรับบุญจากเรา 

ดังนั้นจึงถือเหป็นโอกาสดีที่เราจะรีบสร้างกุศล ตักบาตร สวดมนต์ ไหว้พระและทำสมาธิ แล้วอุทิศแผ่ส่วนกุศลผลบุญ ก็จะส่งถึงเขาเหล่านั้นได้ทันที โดยไม่ต้องรอให้ถึงวาระ

ประการสอง ทางเทวโลกหรือสวรรค์ จะเป็นวันที่พระพุทธเจ้าทรงโปรดลงมาแสดงธรรมเทศนาแก่เหล่าเทพ  พรหม เทวดา ทั้งหลาย ซึ่งเทพหรหมเทวดาส่วนใหญ่ที่ถือศีลก็จะบำเพ็ญเพียรในวันนี้เป็นพิเศษ




บทกราบเทวดา

มีโอกาสได้ฟังพี่ที่เคารพท่านหนึ่งเล่าถึงวันโกนวันพระและพี่ก็ได้ให้บทกราบเทวดาประจำตัวในวันโกนดังนี้

วางพานดอกบัวบนพื้นหรือหิ้งพระ จุดธูป 9 ดอกหรือไม่จุดก็ได้ อาราธนาศีล 5 แล้วกล่าวดังนี้

"ลูกกราบทูลเทวดาองค์ในของลูก เจ้าที่และรุขเทวดาที่ดูแลสถานที่นี้ เทพเทวาที่ปกปักษ์รักษาลูกเสมอมา (เอ่ยชื่อเทวดาเพิ่มได้ตามใจปรารถนา) โปรดรับสักการะจากลูกด้วยมวลบุพชาติเหล่านี้ รวมถึงพวงมาลามะลิปลายกุหลาบแดง บายศรี ปากชาม หมากพลูอันโอชะ ผลไม้ซึ่งมี ...(เอ่ยชื่อแต่ละชนิด) หากพระองค์ใดมีเจตนาจะเสด็จขึ้นชั้นเกศแก้วจุฬามณีวิมาน เพื่อฟังการแสดงธรรมเทศนาจากสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในค่ำคืนนี้ โปรดนำถวายเครื่องสักการะเหล่านี้ให้เป็นเครื่องบรรณาการแด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าด้วย
หากพระองค์ใดไม่มีเจตนาจะเสด็จขึ้น ขอโปรดรับเครื่องสักการะเหล่านี้ ถวายเป็นเครื่องบรรณาการด้วยศรัทธาจากลูกด้วยเทอญ สาธุ"

พี่เล่าว่า การที่เราไหว้เทวดาประจำตัวหรือที่เรานับถือ ขอให้ท่านนำดอกไม้ธูปเทียนของเราไปไหว้สักการะแด่พระพุทธเจ้าเพื่อไปฟังธรรมเทศสนานั้น จะทำให้เทวดาท่านมีภูมิธรรมที่สูงขึ้น พูดง่ายๆก็คือแสงสว่างขึ้น กายใหญ่ขึ้นนั้นเองและท่านจะสามารถช่วยเหลือเกื้อกูลและคุ้มครองเรายิ่งขึ้น

ขออานิสสงส์ผลบุญนี้จงเกิดแก่ทั้ง พี่กันต์ กวินต์ ผู้ที่ให้ความรู้ พี่ติ๊ด สุมนัส ผู้ให้บทสวดไหว้เทวดาและครูบาอาจารย์เจ้าของบทสวดทุกท่านค่ะ สาธุ

(ที่กล่าวมานี้ก็เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการรับฟัง)