วันพฤหัสบดีที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

ดอยหลวงเชียงดาว หิมพานต์แห่งล้านนา

ครั้งที่ยังเรียนธรณีวิทยาที่มหาวิทยาลัย ยังจำได้ยินอาจารย์พูดถึงภูเขาหินปูนที่สำคัญในประเทศไทยมีหลายที่และที่หนึ่งคือทีเชียงดาว พอมาได้ยินว่ามีดอยที่สวยและสูงมากที่เชียงใหม่ชื่อ "ดอยหลวงเชียงดาว" คิดทันทีว่านี่คงถึงเวลาที่เราต้องไปดูให้เห็นกับตาเสียที




ดอยหลวงเชียงดาว เป็นเทือกเขาที่มีความยาวติดต่อกันเป็นเทือกเขาสูงใหญ่ สูงเป็นอันดับ 3 ของประเทศไทย สูงถึง 2,225 เมตรจากระดับน้ำทะเล ในสมัยก่อยดอยเชียงดาวถูกเรียกว่า "ดอยอ่างสลุง" และเนื่องจากดอยแห่งนี้มีขนาดสูงใหญ่ ซึ่งคำว่าหลวงแปลว่าใหญ่ จึงเพี้ยนเป็น "ดอยหลวงเพียงดาว" และต่อมาจนกระทั่งกลายเป็น "ดอยหลวงเชียงดาว"


สามวันสองคืนบนดอยหลวง ป่าไม้พืชพรรณอุดมสมบูรณ์ อากาศหนาวจับใจ ดอกไม้ต้นไม้บานเต็มสองข้างทาง ฮ่อมเชียงดาวเต็มดอย มีดอกพญาเสือโคร่งขึ้นเป็นหย่อมๆ บนความสูง 2,225 เมตรจากระดับน้ำทะเล 

ตื่นแต่เช้ามืดจากแคมป์เพื่อเดินขึ้นยอดกิ่วลมไปดูพระอาทิตย์ขึ้น มืดจนต้องใช้ไฟฉายนำทางเดินเป็นกลุ่ม ตกเย็นเดินขึ้นยอดดอยหลวงเพื่อไปดูพระอาทิตย์ตก ไม่มีน้ำ ไม่มีไฟฟ้า อาบลมห่มฟ้า ห้องน้ำธรรมชาติ เป็นอีกทริปหนึ่งที่สวยและประทับใจมากๆ 

โดยทริปนี้เราใช้เวลาทั้งหมดสามวันสองคืน

การเตรียมตัว

1. เครื่องแต่งกาย ควรเป็นกางเกงขายาวและไม่ควรเป็นยีนส์เพราะมักจะทำให้เสียดสีรู้สึกอึดอัด  เสื้อยืดแขนยาว แขนสั้น สีสันตามสะดวก รองเท้าหุ้มส้นมีดอกยางช่วยในการเกาะและมั่นคงเวลาก้าวเดิน หมวกหรือผ้าคลุมหน้าเอาไว้ป้องกันฝุ่น ลมและแสงแดด
2. กระเป๋าสำหรับใส่สัมภาระ ควรแยกออกเป็นสองใบคือ กระเป๋าสำหรับใส่สัมภาระที่เราสามารถนำติดตัวไปเที่ยวเดินเขาด้วยได้และกระเป๋าใส่สัมภาระที่วางเก็บไว้ที่แคมป์ที่พัก 
3. ครีมกันแดด สเปย์กันยุง 

4 ไฟฉาย สำคัญมากต้องใช้ในการเดินขึ้นลงดอย ควรมีความสว่างมาก





















หลังจากเดินทางมาถึงที่ทำการอุทยานในเวลาสาย โดยจุดเริ่มต้นของเราอยู่ที่นี่คือเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเชียงดาว ภายในอุทยานมีห้องน้ำและข้อมูลให้บริการแก่นักท่องเที่ยว สามารถใช้ล้างหน้าแปรงฟันหรืออาบน้ำก่อนขึ้นเขาได้

เราทำการขนสัมภาระลงจากรถตู้เพื่อย้ายไปยังรถกระบะ เพราะจากตรงนี้เป็นทางขึ้นเขาลาดชันมาก ต้องนั่งรถกระบะไต่เขาไปหลายกิโลเมตร ใช้เวลาเกือบชั่วโมง


 และแล้วก็มาถึงจุดเริ่มต้นการเดินทางบนเขา ดอยหลวงเชียงดาว อ่างสลุง ระยะทาง 6,500 เมตรจากจุดที่เดิน ตรงบริเวณนี้มีไม้ไผ่ที่ตัดให้เป็นไม้เท้าช่วยในการเดินให้บริการ




วิวสองข้างทางระหว่างการเดินทาง หน้าผาสูงชันตลอดทาง อากาศเย็นสบาย













หากลองสังเกตุหินให้ดีก็จะพบกับฟอสซิลหอย Gastropod ภูเขาหินปูนยุค Permian ก้อนนี้คาดว่าผ่านฝ่าเท้านักท่องเที่ยวมาแล้วหลายคน เด็ก Geologist มันเป็นแบบนี้ทุกคน เดินเที่ยวต้องดูหินไปด้วย




 ทางเดินไม่ชันมาก เป็นทางค่อยเดินขึ้นเขาไปเรื่อยๆสบายๆ



ใช้เวลากว่าสี่ชุ่วโมงเราก้เดินมาถึงจุดตั้งแคมป์ ที่บริเวณนี้ถือว่าเป็นจุดตั้งที่ดีเพราะจากที่ตั้งแคมป์นี้มีทางแยกออกไปอีกมากมายให้ไปปีนยอดเขาต่างๆหลายๆลูกซึ่งเริ่มต้นจากจุดนี้




หลังจากทำการกางเตนท์และจัดการกับสัมภาระ อากาศเริ่มเย็นลงอย่างรวดเร็วในเวลาเย็น ต้องมีการก่อไฟใฟ้ความอบอุ่นแก่ร่างกาย ยึ่งตอนกลางคืนหนาวเย็นจับขั้วหัวใจ อากาศเย็นลงถึง 4 องศา แม้แต่ในเตนท์ยังหนาวเหมือนตู้เย็น

ในตอนกลางคืนอากาศหนาวเย็นลงจัดมาก ต้องเอาถุงพลาสติกมาห่อข้างนอกถุงนองเพื่อช่วยเพิ่มความอบอุ่นอีกชั้น 

หลังจากเข้านอนกอดความหนาวเย็นแล้ว เช้าถัดมาต้องตื่นแต่ตีสี่เพื่อเตรียมตัวเดินขึ้นไปดูพระอาทิตย์ขึ้นที่ดอยกิ่วลม ซึ่งเป็นดอยที่อยู่ไม่ห่างจากที่พักมาก ทุกคนต้องมีไฟฉายประจำตัวเพื่อช่วยเดินทางในที่มืด หลังจากเดินมาได้ชั่วโมงเศษก็ถึงยอดกิ่วลม





 บนดอยกิ่วลม เริ่มเห็นแสงพระอาทิตย์กำลังขึ้นที่เส้นขอบฟ้า





ยิ่งสูงอากาศยิ่งหนาวจับใจ และเริ่มสว่างขึ้นเรื่อยๆ

















ในที่สุดก็เห็นพระอาทิตย์ขึ้นที่เส้นขอบฟ้า สวยงามประทับใจมาก
 บนนี้ยังทำให้มองเห็นดอยสามพี่น้องได้ชัดเจน และยังมีเมฆลอยผ่านมาตลอดสาย












เก็บภาพความประทับใจกับเดอะแกงค์สักหน่อย





































และก็เดินทางกลับสู่แคมป์ที่พัก






























เส้นทางมีภูเขาสองข้างทางยิ่งใหญ่อลังการมาก

กว่าจะถึงแคมป์ที่พักก็เป็นเวลาสายมากเกือบเที่ยง ถึงแคมป์ก็จัดการช่วยกันทำอาหาร พักผ่อนตามอัธยาศัย เพื่อที่ตอนบ่ายเราจะเดินทางไปอีกทางเพื่อขึ้นไปชมพระอาทิตย์ตกบนยอดดอยหลวง การเข้าห้องน้ำในทริปนี้เรียกได้ว่าสัมผัสธรรมชาติจริงๆ ห้องน้ำธรรมชาติ ตามพุ่มไม้ และข้างบนนี้ไม่มีน้ำให้ใช้เลย ดังนั้นเราต้องประหยัดน้ำเพื่อดื่มและทำอาหาร เรื่องการอาบน้ำใช้ทิชชู่เปียกเช็ดเนื้อตัวแทนค่ะ



เส้นทางสู่ยอดดอยหลวงเชียงดาว





บนยอดดอยหลวงชียงดาวเต็มไปด้วยดอกอ้อมดอยสีม่วงสวยงาม 






ความใหญ่ตระการตาของภูเขาฝั่งตรงข้าม  แสงอาทิตย์ส่องผ่านยอดเขายอดดอยสามพี่น้อง














ในที่สุด จุดสูงสุดยอดดอยหลวงเชียงดาว สูงจากระดับน้ำทะเล 2,225 เมตร ในเขตรักษาพันธุ์สัตย์ป่าเชียงดาว ให้ความรู้สึกว่าเราอยู่ใกล็กับเมฆเพียงนิดเดียว



















มองไปยังเขาด้านล่างทำให้รู้สึกว่าเราอยู่สูงมากจริงๆ อากาศค่อยๆเย็นลงเรื่อยๆ ลมพัดเอื่อยมาให้หนาวเย็นตลอดเวลา

หลังจากที่เก็บภาพและชมบรรยากาศจนจุใจแล้วใกล้มืดค่ำก็ต้องลงเขากลับไปยังแคมป์ที่พักแล้วค่ะ ยิ่งมืดยิ่งมองไม่เห็น ต้องใช้ไฟฉายส่องนำทางค่อยๆไต่ลงเขาไป และก็รับประทานอาหารนอนพักผ่อน
























สวัสดีเช้าอีกหนึ่งวันบนดอยหลวงค่ะ หลังจากรับประทานอาหารเช้าเสร็จเรียบร้อยแล้ว เราก็ทำการเก็บสัมภาระเพื่อเดินทางลงเขา






 ขาลงสบาย เดินชมวิวไปตลอดทาง

ดอกฮ่อมเชียงดาว




บนเส้นทางสายสีชมพู ดอกพญาเสือโคร่ง มีให้เห็นประปรายตลอดเส้นทางเดิน

 ในที่สุดเราก็เดินทางมาถึงยังจุดแรกจุดเดียวกับที่ขึ้นเขาใช้เวลาเพียงสามชั่วโมงเท่านั้น อากาศดี จัดการเก็บสัมภาระขึ้นรถกระบะเพื่อไปยังรถตู้ อาบน้ำล้างตัวหลังจากที่ไม่ได้สัมผัสน้ำเลยมาสามวัน











ออกจากป่า หลังจากอาบน้ำ หมักหมมกันไปสามวัน ที่ศูนย์ปราชญ์ชาวบ้าน ลุ่มน้ำแม่ปิง มองเห็นเขาหลวงที่เราพึ่งเดินลงมาไกลๆโน่นเลยค่ะ ที่นี่มีห้องน้ำบริการแก่นักท่องเที่ยวและยังมีแหล่งสมุนไพรพื้นบ้านขาย ซึ่งเราสนใจกันมากโดยเฉพาะการทำดีท็อกและสมุนไพร

ขอบคุณภาพหลายภาพจากกล้องพี่บอย 


ขอบคุณที่อ่านมาจนจบ

พบกันทริปหน้าค่ะ

สวัสดี

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น