วันพฤหัสบดีที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2558

หัวใจแห่งอุ้มผาง "เปรโต๊ะลอซู" ตาก


ตามหาหัวใจแห่งอุ้มผาง "เปรโต๊ะลอซู" หรือ "ปิ๊ตุ๊โกร" หลังจากที่นัดกันมากว่าสามเดือนได้เวลาเปิดทริปตามหาหัวใจแห่งอุ้มผาง เคยได้ยินชื่อน้ำตกทีลอซูมานานแล้ว แต่เปรโต๊ะลอซู พึ่งรู้จักเมื่อไม่นานมานี้ และเส้นทางก็ใช้เส้นเดียวกันแต่ทางจะไกลกว่าหน่อยเท่านั้น เป็นน้ำตกที่ไหนจากหน้าผาสูง สายน้ำไหนเป็นสายหลายสายและมาบรรจบกันเป็นรูปหัวใจ โดยพี่เล่าว่าจะสวยมากโดยเฉพาะหน้าฝน และที่นี่เป็นน้ำตกที่พบโดยบังเอิญจากการสำรวจยอดดอยมะม่วงสามหมื่นที่ชายแดนไทย-พม่า ที่อุ้มผาง






ออกเดินทางทุกครั้ง ได้มิตรภาพใหม่ทุกครั้ง การใช้ชีวิตช่วยเหลือกัน ประสบการณ์วิถีชีวิตความเป็นอยู่ของคนในพื้นที่ในแต่ละที่แม้แตกต่างกัน แต่สิ่งหนึ่งที่เหมือนกันคือทุกคนมีน้ำใจ เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ได้พลังใจกลับมาอย่างท่วมท้นเลยทีเดียว 











โดยจุดเริ่มต้นเตรียมสัมภาระที่ อ.อุ้มผาง นั่งสองแถวขึ้นเขาไปยังหมู่บ้านกุยเลอตอ ฝุ่นตลบหัวแดงไปตามๆกัน เริ่มด้วยการเดินลุยน้ำไปตามลำธารเป็นระยะ ทุ่งนา โคลน และเข้าป่า ได้ยินเสียงน้ำตกรอบตัวตลอดเวลาจนถึงแคมป์ที่พัก นอนเปลกันสองคืน อาบกินน้ำที่ลำธารน้ำตก แน่นอนห้องน้ำธรรมชาติ ยิ่งสูงหมอกยิ่งหนา น้ำตกยาวตั้งแต่ต้นผาไหลลงมาบรรจบเป็นรูปหัวใจ ธรรมชาติสรรค์สร้างได้อย่างงดงาม...จุดสำคัญสูงขึ้นไปอีกคือยอดเนินมะม่วงสามหมื่น เป็นยอดที่สูงที่สุดของที่นี่ จุดชมวิวที่สวยงามมาก นั่งรอรุ้งกินน้ำกว่าชั่วโมงก็ไม่มา อีกฝั่งของเนินเป็นพื้นที่ของพม่า เสียดายที่ไปไกลกว่านั้นไม่ได้แล้ว

การเตรียมตัว

1. เครื่องแต่งกาย ควรเป็นกางเกงขายาวและไม่ควรเป็นยีนส์เพราะมักจะทำให้เสียดสีรู้สึกอึดอัด  เสื้อยืดแขนยาว แขนสั้น สีสันตามสะดวก รองเท้าหุ้มส้นมีดอกยางช่วยในการเกาะและมั่นคงเวลาก้าวเดิน 
2. กระเป๋าสำหรับใส่สัมภาระ ควรมีแพ็คของใส่ถุงกันน้ำเพราะฝนอาจตกได้ตลอดเวลา ให้เตรียมพร้อมไว้ก่อน
3. สเปย์กันยุง สเปย์กันทาก 
4. เสื้อกันฝน

5. ไฟฉาย 

เราเริ่มออกเดินทางจากกรุงเทพในคืนวันศุกร์ นอนพักผ่อนเอาแรงบนรถจนกระทั่งมารีสอร์ทในอุ้มผางในเวลาเช้า จัดการแบ่งกระเป๋าสำหรับใส่เสื้อผ้าอาบน้ำตอนขาลงและแพ็คสัมภาระใส่กระเป๋าเดินป่า และรับประทานอาหารเช้าเตรียมตัวออกเดินทาง



นั่งรถสองแถวจากรีสอร์ทขึ้นเขาจนกระทั่งมาถึงหมู่บ้านกุยเลอตอ ทางเข้าจุดเริ่มต้นของการเดินทาง ใช้เวลากว่าชั่วดมงขึ้น เส้นทางไต่เขาและโค้งมากมาย ผ่านหมู่บ้านศูนย์อพยพขององค์การยูเนสโก้ และฝุ่นตลบตลอดทาง














ถึงแล้วจุดเริ่มต้นขึ้นเขา ที่หมู่บ้านกุยเลอตอ ดูเผินๆอาจจะไม่รู้ว่าอยู่ที่นี่ เพราะทางเป็นลักษณะคันนาทั่วไป







หลังจากเดินเข้ามาได้เล็กน้อยก็พบเส้นทางเต็มไปด้วยน้ำไหลเป็นลำธารต้องเดินลุยน้ำเข้าไป


เส้นทางเป็นแบบนี้ตลอด แห้งบ้าง ต้องลุยน้ำบ้าง บางจุดเป็นโคลนตมดินเหลว


เริ่มหาตัวช่วย พี่มานะตัดไม้ไผ่ใช้เป็นที่ค้ำช่วยเดิน


หลังจากเดินผ่านป่า ลำธาร โคลนตม ก็เข้าสู่ช่วงเดินผ่านไร่และทุ่งนา



ถ่ายภาพไปเรื่อยๆ เหงื่อเริ่มท่วมแล้ว


ช่วงทุ่งนากว้างใหญ่มาก ข้าวกำลังเขียวและมีเม็ด จากที่นาตรงนี้มีน้ำเลี้ยงอุดมสมบูรณ์มาก หากเราเดินต่อไปอีกจนถึงตีนเขาไกลๆอย่างในภาพจะเห็นระบบชลประทานของชาวนาที่เข้าทำที่นี่ เพียงต่อกระบอกไม้ไผ่ยาวจากน้ำตกลงมาเรื้่อยๆแล้วต่อสายท่อจนถึงทุ่งนาทำการปล่อยน้ำแบบขั้นบันได น้ำจะไหลจากที่สุงลงสู่ที่ต่ำ ทำให้ทุ่งนาทุกผืนได้น้ำอย่างทั่วถึง เรียกว่าเป็นระบบการคิดที่อัจฉริยะของชาวบ้านที่นี่ กระบอกไม้ไผ่อันเดียว ทำให้มีน้ำเลี้ยงเต็มทุ่งนา





ผ่านช่วงทุ่งนาก็มาถึงตีนเขา ค่อยๆเดินปีนเขาไปเรื่อยๆทางไม่ชันมาก


 ระหว่างทางมีลำธารไหลเป็นระยะ ไม่ขาดสาย


 เจอน้องหิ้วของในระหว่างทางเดิน ตัวเล็กแต่ใจเกินร้อยจริงๆ



เดินผ่านลำธารตัดทางเดิน หลายลำธารมาก


จนกระทั่งมาถึงจุดที่ต้องข้ามน้ำตก ชาวบ้านทำสะพานโดนเอาขอนไม้และไม้ไผ่มาพาดเป็นสะพานข้าม บริเวณนี้เป้นน้ำตกเล็กๆระหว่างทาง




หลังจากพักผ่อน กินอาหารเที่ยงที่ลำธารก็เดินทางกันต่อ



ในระหว่างทางนั้นมักจะเห็นน้ำตกขนาดเล็กตามทางเสมอและแต่ละน้ำตกก็สวยงดงาม นั่งพักเก็บภาพให้หายเหนื่อย มีพืชพรรณธรรมชาติ ดอกไม้ ตระไคร่น้ำให้เห็นตลอดทาง

หลังจากเดินมาถึงที่พักชื่อแคมป์ลุงสิงห์ จัดการวางสัมภาระ แต่แคมป์ตรงนี้ยังไม่ใช่แคมป์ที่เราจะพัก แต่จากจุดนี้ต้องเดินไปอีกทางเพื่อขึ้นเขาไปดูน้ำตกรูปหัวใจ จุดสำคัญของทริป ห่างจากแคมป์ลุงสิงห์ไม่กี่ร้อยเมตร






ในที่สุดเราก็ถึงจุดไคแม็กสำคัญของทริป น้ำตกรูปหัวใจ ซึ่งเป็นน้ำตกที่ไหลมาจากหน้าผาสูงคนละฝั่งและมาบรรจบกันจนเกิดเป็นรูปหัวใจขึ้นมา ธรรมชาติสร้างได้สวยงามจริงๆ


หลังจากถ่ายภาพหัวใจกับน้ำตกจนพอใจเราก็เดินทางมาเอาสัมภาระเดินขึ้นต่อไปสุงจากแคมป์ลุงสิงห์ เป็นแคมป์ใหญ่อีกที่ที่เราจะพักกัน จัดการวางสัมภาระ กางเตนท์ก็เข้าเวลาใกล้ค่ำพอดี แคมป์ที่นี่อยู่ใกล้กับบริเวณน้ำตกเล็กๆ สามารถลงไปอาบน้ำหรือหาน้ำใช้ในการประกอบอาหารได้ ช่วยกันทำอาหาร กินข้าวและนั่งคุยกันพักผ่อนตามอัธยาศัย



สวัสดีตอนเช้าจากปิ๊ตุ๊โกรค่ะ เช้านี้ตื่นมาอากาศเย็นสบาย มีน้ำค้างลงไม่มาก เห็นเมฆหมอกพัดผ่านรับกับแสงอาทิตย์ที่ค่อยๆขึ้นมา


เช้านี่ที่แคมป์ใหญ่เราช่วยกันทำอาหารเช้า เตรียมอาหารเที่ยงสำหรับออกเดินทาง ซึ่งแผนในวันนี้คือเดินขึ้นยอดดอยมะม่วงสามหมื่น ซึ่งเป็นยอดที่สูงที่สุดของทริปนี้ หลังจากรับประทานอาหารจัดกระเป๋าสัมภาระก็ออกเดินทางกันค่ะ 





เริ่มเดินขึ้นยอดดอยมะม่วงสามหมื่น เป็นทางขึ้นเขาที่ชันมากสลับกับเนินขึ้นไปเรื่อยๆ

จากจุดทางขึ้นเขาตรงนี้สามารถมองเห็นสายน้ำตกปิ๊ตุ๊โกรได้ เส้นสายที่ไหลลงมาบรรจบกัน

















ในที่สุดเราก็เดินขึ้นมาถึงยอดดอยมะม่วงสามหมื่น จุดสูงที่สุดของทริปนี้ ที่จริงเขาสามาถเดินต่อไปได้อีก แต่ยังไม่ให้นักท่องเที่ยวเดินเพราะเลยไปอีกก็เป็นเขตชายแดนพม่า



มองเห็นเนินสูงอีกไกลๆ แต่ไปต่อไม่ได้ เป็นเขตแดนของประเทศพม่า



เก็บภาพเป็นที่พอใจก็ได้เวลาเดินทางกลับไปยังแคมป์ ณ ตอนนี้ใช้เวลาเดินไม่นาน จากแคมป์เดินจนถึงยิดยังไม่ถึงเที่ยงเลยค่ะ





หลังจากเดินลงมาถึงเนินเขาหนึ่งซึ่งสามารถมองเห็นน้ำตกปิ๊ตุ๊โกรจากที่นี่ได้ชัดเจน เราก็ยืนรอดูรุ้งกินน้ำกันค่ะ ว่ากันว่าเป็นจุดที่เห็นรุ้งกินนำบ่อยที่สุด ยืนอยู่ไม่นานเมฆหมอกก็ปลิวผ่านตัวไปเป็นระยะ ฟ้าสลัวบ้าง ฟ้าสว่างบ้าง






หลังจากที่รอรุ่งกินน้ำเกือบชั่วโมงก็ไม่เห็น เริ่มบ่ายก็เดินทางกลับแคมป์ที่พักกันค่ะ



ระหว่างทางลงเขากลับแคมป์ เห็นวิวภูเขาไกลสุดลูกตา เป็นวิวที่สวยงามมากเลยทีเดียว




เดินทางลงมาถึงแคมป์ในเวลาเย็นก็ทำอาหารรับประทาน คุยกันสนุกสนานทั้งคืนกว่าจะได้นอนกันเกือบเที่ยงคืน 

เช้าวันสุดท้ายตื่นทานอาหารเสร็จ เก็บแคมป์และสัมภาระเตรียมตัวเดินทางกลับไปยังจุดแรกเพื่อรอรถมารับกลับรีสอร์ท






เก็บภาพขากลับ เดินลงเขาสบายๆ ผ่านป่าลงมาสู่ทุ่งนาและทางเกวียนจนออกถนนใหญ่สายหลัก




















ทริปนี้ได้ถ่ายคลิปเล่นๆบ้างและยังพี่ในกลุ่มที่ถ่ายจริงจังกับโกโปร เอามาให้ชมกันค่ะ แล้วคุณจะหลงรักการเดินทางในครั้งนี้



ทริปนี้เป็นทริปที่แบกขาตั้งกล้องตั้งใจไปถ่ายน้ำตกรูปหัวใจ ตอนแรกจินตนาการว่าคงมีมุมสวยๆแน่นอน แต่ปรากฏว่าจุดที่ถ่ายภาพเป็นเนินเขาที่สูงมาก สามารถยืนได้ไม่เกินห้าคน แคบและอันตรายมาก เลยได้แค่ถ่ายภาพมาแบบไม่ได้ตั้งกล้อง ป่าที่นี่ถือว่าเดินง่าย อาจมีชื้นแแะที่ต้องลุยน้ำลุยโคลนบ้าง ต้องผ่านทุ่งนาชาวบ้านเพื่อขึ้นเขา จากเนินมะม่วงสามหมื่นมองลงมาข้างล่างจะเห็นวิวที่สวยงามมากๆ เป็นทริปหนึ่งที่ประทับใจ

เจอกันใหม่ทริปหน้าค่ะ
สวัสดี