วันพฤหัสบดีที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

อัมพวา ตอนที่2: ตลาดน้ำอัมพวา

ตลาดน้ำอัมพวา เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่เต็มไปด้วยมนต์เสน่ห์ของชุมชนริมคลองแม่น้ำแม่กลอง นักท่องเที่ยวมากมายต่างอยากไปสัมผัส ผู้คนในชุมชนที่นี่ต่างอาศัยแม่น้ำแม่กลองในการดำรงชีวิตมาเนิ่นนาน จนกระทั่งเริ่มมีนักท่องเที่ยวหลั่งไหลเข้าไป ทั้งชาวไทยแล้วชาวต่างชาติ จึงทำให้มีการปรับปรุงเป็นสถานที่ท่องเที่ยวจนเป็นที่โด่งดังในประเทศ เมื่อเตรียมพร้อมแล้วก็นั่งรถตู้ที่อนุเสาวรีย์ประมาณชั่วโมงครึ่งก็ถึงตัวอำเภออัมพวา จ. สมุทรสาครค่ะ นัดแนะกับพี่สาวเจ้าของถิ่นให้มารับที่สถานีรถ นั่งรถเข้าไปในตัวอำเภอผ่านสวนมะพร้าว สวนส้มโอและผลไม้ต่างๆมากมาย ร่มรื่น บรรยากาศยามเย็นแสนสบาย












พี่สาวขับรถพามาถึงตัวตลาดน้ำอัมพวา ก็พบกับนักท่องเที่ยวจากเมืองกรุงมากมาย ที่ตลาดนี้มีร้านค้าทั้งที่เป็นร้านค้าอยู่ริมคลองเองและมีแม่ค้าพ่อค้าพายเรือมาขายริมคลอง เคยลองถามแม่ค้าค่ะ เขาบอกว่าของนี้สดๆจากสวนเลยนะคะ ผลไม้สดจริงๆค่ะ ตัวตลาดน้ำนั้นยาวเกือบกิโลเมตร มีทั้งขนมสายไหม ขนมไทยต่างๆ เสื้อผ้า ของที่ระลึก การจัดแต่งเอาใจนักท่องเที่ยว บรรยากาสสุดแสนโรแมนติกจริงๆค่ะ





 พี่สาวขับรถพามาถึงตัวตลาดน้ำอัมพวา ก็พบกับนักท่องเที่ยวจากเมืองกรุงมากมาย ที่ตลาดนี้มีร้านค้าทั้งที่เป็นร้านค้าอยู่ริมคลองเองและมีแม่ค้าพ่อค้าพายเรือมาขายริมคลอง เคยลองถามแม่ค้าค่ะ เขาบอกว่าของนี้สดๆจากสวนเลยนะคะ ผลไม้สดจริงๆค่ะ ตัวตลาดน้ำนั้นยาวเกือบกิโลเมตร มีทั้งขนมสายไหม ขนมไทยต่างๆ เสื้อผ้า ของที่ระลึก การจัดแต่งเอาใจนักท่องเที่ยว บรรยากาสสุดแสนโรแมนติกจริงๆค่ะ






















ตลาดริมคลองที่ไม่มีวันหลับไหลนี้ ได้ให้อะไรหลายอย่างกับชาวบ้านริมคลอง มีรายได้เข้ามาเป็นกอบเป็นกำ มีการท่องเที่ยว การค้าขายเกิดความเจริญมาสู่คลองที่เคยธรรมดาแห่งนี้ พี่สาวเจ้าของถิ่นเล่าว่า ตลาดที่นี่เริ่มมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก เมื่อก่อนนักท่องเที่ยวน้อย จะเห็นชีวิตชุมชนตลาดน้ำอย่างแท้จริง แต่เดี๋ยวนี้ขยายตัวขึ้นมากจนแทบไม่เห็นการดำรงชีวิตที่แท้จริงของคนริมคลองแล้ว แต่อย่างไรก็ตามการพัฒนาก็ตามมากับเงินและรายได้ที่หมุนเวียนเข้ามาให้กับคนในชุมชน
























บรรยากาศยามอากาศดีเย็นสบายมีหมอกลงเล็กน้อย เช้าริมน้ำอีกอย่างหนึ่งที่ต้องทำเมื่อมาถึงอัมพวาคือ การตักบาตรกับพระบนเรือ โดยในตอนเช้าจะมีพระท่านพายเรือผ่านที่พักตามคลอง

มาเที่ยวอัมพวาไม่ว่ามากี่ครั้งก็ยังให้ความรู้สึกอบอุ่นแบบบรรยากาศริมคลอง แม้ในปัจจุบันนี้สถานที่ท่องเที่ยวเก่าแก่ได้แปลงสภาพเป็นแนวสมัยใหม่เพื่อรองรับการบริการแก่นักท่องเที่ยว แต่สิ่งหนึ่งที่ยังพบเห็นได้ที่นี่คือ ชีวิตความเป็นอยู่ของหมู่บ้านริมคลอง ที่หาดูที่ไหนได้ยากแล้ว

อัมพวา ตอนที่1: ตลาดน้ำท่าคา

ตลาดน้ำท่าคา ตั้งอยู่บริเวณหมู่บ้านท่าคา ตำบลท่าคา อำเภออัมพวา โดยชาวบ้านท่าคาจะนำผลผลิตสดๆจากสวนมาขายในตอนเช้าๆเลยค่ะ นอกจากนี้ยังมีบริการบ้านพักแบบโฮมสเตย์ นักท่องเที่ยวจะได้พักอยู่กับชาวบ้านชมการเก็บน้ำตาลมะพร้าว การเคี่ยวน้ำตาลมะพร้าว พายเรือแจวชมสวน พายเรือแจวชมหิ่งห้อยในยามค่ำ ปัจจุบันมีหิ่งห้อยเหลืออยู่ไม่มากแต่ยังพอมีให้เห็นบ้างค่ะ





การนั่งเรือแจวไปตามคลองชมทิวทัศน์ของชุมชนริมคลองของที่นี่ เราสามารถเรียนรู้และสัมผัสกับวัฒนธรรมชุมชนริมคลองได้จริงๆค่ะ เพราะการพัฒนาการท่องเที่ยวยังไม่ถึงขีดสุดเหมือนที่ตลาดน้ำอัมพวา สามารถชื่นชมกับบรรยากาศรอบด้านได้เต็มที่ สองข้างคลองเป็นหมู่บ้านทรงเรือนไทยที่ทำสวนกันทั้งหมด และเกือบทุกบ้านมีเรือประจำบ้านของตัวเอง ระบบการทำสวนมีการขุดลอกคลองให้น้ำเข้าไปถึงในสวน ชาวบ้านก็สามารถตักน้ำจากคลองรถน้ำต้นไม้ได้เลยค่ะ


กิจกรรมที่น่าสนใจอีกอย่างหนึ่งคือการนั่งเรือชมสวน โดยมีชาวบ้านนำเรือของตนมารับจ้างพายให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสวิถีชีวิตอย่างแท้จริง พาไปชมบ้านเรือนไทยที่มีอายุถึงร้อยปีในสมัยรัชการที่ 5 ชมการทำสวนมะพร้าว การเคี่ยวน้ำตาลปึก



สถานที่อีกที่หนึ่งที่ไม่ควรพลาดอย่างยิ่งคือ วัดบางกุ้ง แต่ก่อนเคยเป็นค่ายทหารที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ในสมัยสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ภายในวัดมี โบสถ์ปรกโพธิ์ เป็นอุโบสถที่สร้างตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี จะถูกปกคลุมด้วยรากไม้ใหญ่ทั้งโพธิ์ ไทร ไกร และกร่างมองจากภายนอกคิดว่าเป็นกลุ่มต้นไม้ใหญ่ มากกว่ามีโบสถ์อยู่ข้างใน รากไม้เหล่านี้ช่วยให้โบสถ์คงรูป อยู่ได้ ทั้งยังให้้ความขรึมขลังอีกด้วยค่ะ ภายในมีพระพุทธรูปประดิษฐานซึ่งชาวบ้านเรียกว่า หลวงพ่อโบสถ์น้อยหรือหลวงพ่อนิลมณี ซึ่งได้จัดเป็นสถานที่ท่องเที่ยวมหัศจรรย์ไทยแลนด์ไปเรียบร้อยแล้วค่ะ

สมุย ในวันเบาเบา

ครั้งแรกกับการลงใต้มากที่สุด การเดินทางมาสมุยครั้งนี้สุดแสนสบาย เพราะเป็นการเดินทางมาพักผ่อนบำเพ็ญประโยชน์กับบริษัทที่ทำงานค่ะ ฟรีทุกอย่างตลอดการเดินทาง กำหนดการเดินทางคือสามวันสองคืน วันแรก ใช้เส้นทางการเดินทางโดยรถไฟ ออกจากหัวลำโพงตอนกลางคืน นั่งๆนอนๆบนรถไฟกว่าสิบสองชั่วโมงก็ถึงสถานีสุราษฏร์ธานี

หลังจากเก็บสัมภาระก็มีรถทัวร์มารอรับที่หน้าสถานีรถไฟ ให้ทุกคนได้ล้างหน้าแปรงฟันที่โรงแรมในตัวเมืองครู่หนึ่งรถก็แล่นไปส่งเรา ที่ท่าเรือเฟอรารี่ข้ามฟากไปเกาะสมุย นั่งเรืออีกประมาณหนึ่งชั่วโมงก็ถึงจุดหมายปลายทางค่ะ มีรถตู้มารอรับไปส่งที่ตัวโรงแรมที่พักอีกครั้ง นับได้ว่าการเดินทางนั้นหลายต่อทีเดียวกว่าจะถึงจุดหมายปลายทาง ทำเอาเหน็ดเหนื่อย เมื่อยล้าอย่างมากมาย
ก้าวแรก ที่เข้าสู่ที่พัก ความเหนื่อยก็หายไปเป็นปลิดทิ้ง เพราะที่พักนั้นสะอาดสะอ้าน หรูหรามาก กลิ่นหอมของสปาทำให้รู้สึกสดชื่นขึ้นมาทันทีเป็นต้องรีบเก็บสัมภาระแล้ววิ่งออกมาสูดอากาศชายทะเลอย่างด่วนเลยค่ะ การเดินทางครั้งนี้ทำให้ไม่สามารถไปสัมผัสความเป็นสมุยได้เต็มที่เท่าใดนัก เพราะต้องรีบเดินทางตามกำหนดการ จุดประสงค์คือมาทาสี ก่อกำแพง ปลูกต้นไม้ให้น้องๆที่โรงเรียนบนเกาะ
นอกจากนี้เรายังได้มีโอกาสไปไหว้สักการะพระใหญ่ที่ "วัดพระใหญ่" สถานที่ที่ใครที่มาสมุยจำต้องมาไหว้ทุกคน เดินทางชม "หินตา หินยาย" และยังได้กาละแมร์กลับมาเป็นของฝากให้เพื่อนๆอีกด้วย ประสบการณ์เดินทางมาสมุยครั้งนี้น่าจดจำกว่าครั้งไหน เพราะเป็นการเดินทางลงใต้ที่สุดเท่าที่เคยมาเลยค่ะ